พระคาถาอัญเชิญญาณบารมี “ หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ” ไว้ป้องกันภัย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ..ดีแน่นอนประสบการณ์อภินิหาร เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา…สาธุ!!
พระอาจารย์บุญช่วย เมตตาให้พระคาถาเชิญญาณบารมีหลวงปู่สรวง และอนุญาตให้เผยแพร่ได้ คาถานี้ท่านเล่าว่าต้องขึ้นไปบนเขากุเลนจากนั้นอาจารย์จันตึ๊บ จึงบอกคาถาให้ เนื้อความคาถามีดังนี้
๑ ท่องนะโม ๓ จบ
๒ อิลิเมี๊ยะอ็องสรวงสัมปันโน อิติปิโส นะโมพุทเธียเยีย อิสวาสุติมหาบันดาลสัจจัง อิริกิเป
๓ ให้หมั่นภาวนา คาถา “อะกรึงกะ” คำนี้กันภัยได้ ท่องประจำให้เกิดญาณหยั่งรู้ว่าภัยจะมาเมื่อไหร่ หลงหลีกป้องกันได้ทุกประการ
๔ ท่องภาวนาคำว่า “บายตึ๊กเจีย” ทำให้ร่มเย็นเป็นสุข มีเงินมีทองไม่ขาด
หลวงพ่อบุญช่วยท่านเล่าว่า ทั้ง ๔ ท่านคือ หลวงปู่สรวงหรือลูกตาเบ๊าะ หลวงปู่สะเดิงหรือดาบสจันตึบ หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พลึง เป็นผู้สำเร็จธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ เป็นผู้เหนือโลก แต่บำเพ็ญเป็นพระโพธิสัตว์ โปรดผู้หวังดีต่อพระศาสนา
ท่านจะอยู่จะตายสุดแท้แต่ท่านและทุกท่านสำเร็จวิชาตายคืน คือตายแล้วทิ้งร่างก็ได้ประกอบร่างใหม่เอา หรือเอาดวงจิตไปไว้ที่ร่างไหนๆก็ตามสะดวก ศาสตร์นี้คือสุดยอดของวิญญาณศาสตร์ที่แต่โบราณผู้สำเร็จมีน้อย ดังนั้นการท่องคาถาการปลุกเสกทุกอย่าง หลวงพ่อบุญช่วยท่านจะเชิญท่านผู้สำเร็จทั้ง ๔ มาอธิษฐานจิตปลุกเสกหรือทำพิธีต่างๆให้ ของที่ทำมาจึงขลังพิสูจน์ได้จริง ใช้ได้ผลจริง ขอเพียงแค่มีศรัทธาเท่านั้น
มีพระคณาจารย์บางท่านที่เที่ยวศึกษาจากพระธุดงค์แถบชายแดนเขมรเล่าว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่สรวงรุ่นเก่าๆที่สำเร็จวิชาอายุวัฒนะนี้ก็มีอายุหลายร้อยปีเช่นเดียวกับท่าน ท่านเหล่านี้จะอยู่ตามตะเข็บชายแดนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร บางท่านเคยมรณภาพไปแล้ว ฌาปนกิจศพไปแล้ว มีกระดูกวางไว้บูชาในโกฐแล้วด้วยซ้ำ แต่พอไม่นานก็ออกมาจากป่ามาโปรดคนอีก
พระท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่าลูกศิษย์ของหลวงปู่สรวงท่านหนึ่งบอกว่าต้องเผาหรือต้องตายครบ ๘ ครั้งจึงตายจริงครั้งหนึ่งจะมีอายุได้ประมาณ ๓๐๐ ปี บางท่านตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
บางท่านเคยตายมาแล้วสามครั้ง และมีการยืนยันว่าสำหรับหลวงปู่สรวงท่านแล้วยังไม่มีใครเคยเห็นท่านมรณภาพลงเลยครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรก
วิชาเหล่านี้จะไม่เรียกว่าตายจริงแต่จะเป็นเสมือนการลอกคราบของงูหรือจักจั่น ซึ่งทิ้งสังขารเก่าไว้เหมือนซาก แต่กลับมีร่างใหม่กายใหม่ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
เรื่องของท่านฟังแล้วเข้าใจยาก แต่ง่ายที่สุดที่เข้าใจได้คือท่านไม่ได้อยู่อย่างเราไม่ได้อยู่ด้วยเงื่อนไขอย่างที่เราๆท่านๆอยู่ ท่านคือสิ่งที่เหนือความเข้าใจของปุถุชนไปแล้ว วันเวลาที่ท่านอยู่หรือท่านไปไม่มีความจริงสำหรับเราและท่าน ด้วยว่าท่านอยู่เหนือสมมุตินั่นเอง
ดังนั้นการที่ท่านจะมีกี่กาย มีอายุยืนนานเท่าใดจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ สุดวิสัยแห่งการหยั่งรู้ของเราผู้เป็นปุถุชน เราทราบแต่ว่าตลอดเวลาที่ท่านอยู่นั้นท่านไม่สะสม ท่านไม่มีวัดอยู่ มีอะไรท่านก็แจกหมด หรือไม่ก็เผาทำลายทิ้งซะ เป็นแบบอย่างพระผู้ละโลกโดยแท้ และถือว่าเป็นตำนานแห่งโลกอุดรที่ปรากฏเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้ / ดำแดนละโว้ palungjit