แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม
ได้เห็นชอบเนื้อหาและสาระสำคัญร่างหลักเกณฑ์การกู้ยืมมเงินตามที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) นำเสนอในการพิจารณาวาระสำคัญในเรื่องของกรอบการกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ที่ให้สิทธิ์กองทุนน้ำมันฯ สามารถกู้เงินได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อนำมาบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยกำหนดให้มีน้ำมันกลุ่มดีเซล 3 ชนิด คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 7 น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20
ซึ่งกำหนดให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา อยู่ที่ 0.15 บาทต่อลิตร และส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 กับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อลิตร โดยยังคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้การกู้เงิน 20,000 ล้านบาท กระทรวงการคลัง จะต้องบรรจุกรอบเงินกู้เข้าไปรวมอยู่ในแผนก่อหนี้สาธารณะ โดยขณะนี้เงินกองทันน้ำมันฯ เดือนพ.ย.2564 เหลืออยู่ประมาณ 6,600 ล้านบาท จะสามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลได้ถึงสิ้นปี 2564 เท่านั้น ซึ่งหากสถานการณ์น้ำมันยังมีความผันผวน
ดังนั้น เงินกู้ 2,000 ล้านบาท จะเข้ามาช่วยกองทุนน้ำมันฯ พยุงราคาน้ำมันไปได้ประมาณเดือนมีนาคม 2564 ทั้งนี้จะหมดฤดูหนาว คาดว่า สถานการณ์น่าจะดีขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา 14.00 น. นายสุพัฒนพงษ์ จะนำหลักเกณฑ์การกู้เงินกองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประธานกพช. รับทราบ ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
“กบน.” เคาะกู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท อุ้มราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร