ผกก.สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ล่าตัวโจรขาเทียม ดัดแปลงไม้ค้ำยันผู้พิการเป็นปืนแก๊ป ปั่นจักรยานเข้าไปค้นรถในรีสอท์ทญาติพรชัย เค้าแก้ว นักตะกร้อทีมชาติไทย ขณะที่พนักงานรีสอร์ทเผย ตอนก่อเหตุคนร้ายล็อคแม่กุญแจประตูห้องเหยื่อไม่ให้ออกมา จนถึงเช้าต้องเรียกเจ้าของห้องเช่าเปิดให้ พร้อมลืมไม้ค้ำยันดัดแปลงเป็นปืนแก๊ป
มีกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ชุมชนข่าวขอนแก่น” โพสต์ภาพชาวพิการขาคนหนึ่งระบุว่าเป็นโจรแอบย่องเข้าไปขโมยทรัพย์สินลูกค้าในรีสอร์ทญาติของพรชัย เค้าแก้ว นักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ซึ่งมาเป็นลูกเขยชาวอ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยระบุข้อความว่า “เตือนภัยบุคคลอันตราย บุคคลในภาพได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินเงินทองของลูกค้าในรีสอร์ทและเจ้าของรีสอร์ท ใน ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น #หลังรีสอร์ทนักตะกร้อทีมชาติไทย ก่อนที่จะทำการขโมย ได้มีการถอดสายกล้องวงจรปิดของรีสอร์ทออกด้วย #ส่วนขาที่พิการดามเหล็กไว้นั้นมีการซ่อนกลไกปืนไว้ด้วย ทางเจ้าของรีสอร์ทได้แจ้งความที่ สภ.มัญจาคีรีไว้แล้ว พบเจอแจ้ง 191”
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 11 ต.ค.2564 ที่สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.มัญจาคีรี เปิดเผยความคืบหน้าในทางคดีกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 3 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา ช่วงเช้าหลังเกิดเหตุผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจว่า มีชายต้องสงสัยเดินทางเข้าไปในหอพักไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ด้านหลังรีสอร์ทขวัญคีรี ซึ่งเป็นรีสอร์ทของครอบครัวพรชัย เค้าแก้ว นักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย และเป็นเครือญาติกัน
เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในรถของลูกค้าที่มาพักได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดในเก๊ะหน้ารถไปประมาณ 200 บาท แล้วมารื้อค้นรถของเจ้าของรีสอร์ทแต่ไม่ได้ทรัพย์สินเพิ่มเติม ก่อนที่จะหลบหนีไป โดยลืมทิ้งไม้คันเท้าคนพิการที่ดัดแปลงเป็นปืนแก๊ปไว้ท้ายรถกระบะลูกค้าในรีสอร์ทของนักตะกร้อมทีมชาติไทย ก่อนที่เจ้าของรีสอร์ทจะเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.มัญจาคีรีในเช้าวันต่อมา
ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความก็ได้ประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด แต่พบว่ากล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนนั้นมีคนเห็นเหตุการณ์และยืนยันตรงกันว่าเป็นชายพิการปั่นจักรยาน จึงได้นำเบาะแสตัวนี้ไปสู่การสืบสวนหาตัวซึ่งเป็นข้อมูลที่แคบลงมาเพราะในอำเภอมัญจาคีรีนั้นมีผู้พิการขาปั่นจักรยานไม่กี่คน และมีพลเมืองดีถ่ายภาพคนร้ายหลังก่อเหตุเอาไว้ได้ขณะปั่นจักรยานยนต์อยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อภายในเขตเทศบาลเมืองมัญจาคีรี
ทางชุดสืบสวนจึงได้หาเบาะแสก็ทราบชื่อที่อยู่และได้ลงพื้นที่ไปพบกับนาย ศุภชัย เย็นใจ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 ม.11 ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือขโมย แต่รับว่าไปแถวนั้นจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำประวัติเอาไว้ และจะได้เร่งสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม รวมทั้งพยานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และ พ.ร.บ.เกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป
ด้าน นายทิถวัส เพ็งจันทร์ 31 ปี พนักงานดูแลรีสอร์ททั้ง 2 แห่ง พาผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุห้องที่ 3 ของห้องเช่าหลังรีสอร์ท และเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้ทราบรายละเอียดจากผู้เสียหายว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเข้านอนพักผ่อนตามปกติจนถึงรุ่งเช้า โดยตื่นนอนจะออกไปทำงานก็พบว่าไม่สามารถเปิดประตูหน้าห้องได้ ลักษณะเหมือนโดนล็อคกุญแจด้านนอก จึงได้โทรศัพท์แจ้งรีสอร์ทให้มาช่วยเปิด
ซึ่งตรวจสอบพบว่า แม่กุญแจหน้าห้องของผู้เสียหายปกติจะแขวนไว้หน้าประตู มีคนมากดล็อคไม่ให้เจ้าของห้องออก และตรวจค้นรถพบร่องรอยรื้อค้นได้เงินเหรียญเก๊ะหน้ารถไปประมาณ เกือบ 200 บาท จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแต่พบว่าไม่สามารถเปิดดูย้อนหลังได้ ส่วนผู้เสียหายก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.มัญจาคีรีในช่วงเช้าทันที
พร้อมกันนี้จากการตรวจสอบทรัพย์สินและรถยนต์ต่างๆในรีสอร์ทและห้องเช่าพบว่า คนร้ายได้ลืมไม้คันเท้าของคนพิการโดยมีการดัดแปลงเป็นปืนแก๊ปที่สามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตประชาชนได้ ซึ่งเจ้าของรีสอร์ทก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเก็บของกลางนำไปตรวจสอบดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ด้วย เนื่องจากสร้างความหวาดกลัวให้กับเจ้าของรีสอร์ทและผู้มาพักในรีสอร์ท
ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุก็มีการสอบถามกันหลายๆคน และมีคนพบเห็นว่าเป็นชายพิการปั่นจักรยานเข้ามาป้วนเปี้ยนก่อนเกิดเหตุหลายรอบ ก่อนที่แม่ของตนเองซึ่งขายของอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อพบเห็นว่าน่าจะใช่คนร้ายรายเดียวกันจึงได้ถ่ายรูปมาให้ดูซึ่งทุกคนยืนยันว่าคือคนพิการคนที่มาป้วนเปี้ยนในรีสอร์ททั้ง 2 แห่ง จึงนำภาพมาลงในโซเชียลให้ประชาชนที่ทราบเบาะแสแจ้งตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เครดิตแหล่งข้อมูล : ชุมชนข่าวขอนแก่น