ร.ต.อ.ร่ำไห้ให้การสารภาพ บอกหลังเกิดเหตุ ตั้งใจจะฆ่าตัวตามน้องนิ่ม แต่แม่ห้ามไว้ ยันไม่คิดว่าปืนมีกระสุน แค่อยากจะขู่เฉยๆ ยอมรับมี 2 เมียปมทะเลาะกัน
จากกรณี น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตบนโซฟาในบ้านหลังหนึ่ง ย่านบางกะปิ กรุงเทพฯ มีร่องรอยกระสุนปืนขนาด .45 ออโต้ ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 1 นัด โดยร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสว.(สืบสวน) สน.วังทองหลาง สามีผู้ตายให้การเบื้องต้นว่าภรรยายิงตัวตายเพราะเครียดปัญหาบางอย่าง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม่ของผู้ตายไม่เชื่อว่าลูกสาวยิงตัวตาย สงสัยว่าอาจเป็นการฆาตกรรมอำพราง
ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสว.(สืบสวน) สน.วังทองหลาง ยอมรับสารภาพแล้วว่า เป็นคนทำปืนลั่นโดน น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ หรือน้องนิ่ม อายุ 30 ปี ภรรยาจนเสียชีวิตบนโซฟาในบ้านย่านบางกะปิ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้การว่า คืนเกิดเหตุเมาและขอภรรยาร่วมหลับนอนด้วย แต่ภรรยาไม่ยอม จึงโมโหชักปืนขู่ แล้วเกิดยื้อแย่งกันจนปืนลั่นถูกภรรยาเสียชีวิต
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์ระฐพิทักษณ์ ผบก.น.4 เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดี ว่า ในช่วงที่สอบถามข้อมูล ร.ต.อ.ทรงกลดร้องไห้ขณะที่รับสารภาพว่า ภรรยาไม่ได้ฆ่าตัวตาย ตนเป็นคนที่ทำให้ภรรยาเสียชีวิตจริง ส่วนสาเหตุนั้น มาจากทะเลาะกัน
พล.ต.ต.ธีระพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางฝ่ายชายมีภรรยา 1 คน มีลูกด้วยกัน จากนั้นก็มาคบหากับผู้ตาย และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน ระหว่างนี้ ร.ต.อ.ทรงกลดก็ไม่ได้เลิกรากับภรรยาคนแรก กลับไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งลูกจนมีลูกอีก 1 คน อายุประมาณ 4 เดือน และทั้งสองฝ่ายมีการโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงกันและกัน
ผบก.น.4กล่าวว่า ปัญหานี้เกิดมานานนับปี สะสมมาเรื่อยๆ จนมีปากเสียงกันมาตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุ หลังจากที่ฝ่ายชายออกเวรมา ก็นั่งดื่มสุราอยู่ชั้นล่าง และผู้ตายเดินลงมา แล้วทะเลาะกันจนมีปากเสียง
พล.ต.ต.ธีระพงษ์กล่าวว่า จากนั้นผู้ตายก็ขึ้นไปนอนข้างบน แต่ฝ่ายชายตามมาง้อ และขอหลับนอนด้วย แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เดินหนีมานอนข้างล่าง ด้วยความโมโห ฝ่ายชายจึงเดินตามลงมา โดยมีการหยิบปืนมาด้วยแต่คิดว่าปืนไม่มีลูก กระทั่ง มีการยื้อแย่งกัน จนเกิดปืนลั่น ทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต
พล.ต.ต.ธีระพงษ์กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุ ร.ต.อ.ทรงกลด ได้โทรแม่ให้มาหา ตอนนั้นมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายตาม แต่แม่ห้ามไว้ ส่วนที่โกหกเพราะตกใจ สำหรับปืนที่เป็นอาวุธในการก่อเหตุ ผู้ต้องหาได้มีการเอาปืนมากดล็อกเซฟอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ปืนลั่น และเอามาวางไว้ในที่เกิดเหตุ
ผบก.น.4กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีเขม่าปืนอยู่ที่มือขวาของทั้งคู่ และกระสุนเข้าที่ขมับซ้าย เฉียงไป 85 องศา ประกอบกับฝ่ายหญิงถนัดมือขวา จึงเป็นไปไม่ได้ฝ่ายหญิงจะฆ่าตัวตาย
