อ.วังทอง จ.พิษณุโลก – พบฤาษีเลี้ยงดูแม่วัยชราอยู่ตามลำพัง 2 คน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ตามอัตภาพ โดยมีโลงที่ทำเอาไว้ จำนวน 2 โลง ตั้งอยู่ใกล้ๆ มีที่นอนหมอนอยู่ภายในโลงเรียบร้อย ซึ่งจะใช้เป็นที่หลับนอน และทำสมาธิของฤาษีและแม่ชี
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีฤาษีเลี้ยงดูแม่วัยชราอยู่ตามลำพัง 2 คน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ตามอัตภาพโดยกางผ้ายางกันแดดฝนพักอาศัยเป็นที่หลับนอนอยู่ที่ หมู่ 13 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบฤาษีหนุ่มกำลังนั่งป้อนข้าวให้กับหญิงวัยชรา ซึ่งเป็นแม่ของฤาษีคนดังกล่าวโดยตัวของฤาษีเป็นสวมเครื่องแต่งกายเหมือนฤาษีทั่วไปสวมใส่ลูกประคำทั้งที่คอและข้อมือ
ส่วนตามร่างกายมีรอยสักยันต์เต็มตัวส่วนแม่ของฤาษีจะบวชชีขาวห่มขาว และสวมลูกประคำทั้งคอและข้อมือเหมือนกันจากการสอบถามทราบชื่อนายจำลอง กำมะณี อายุ 55 ปีส่วนแม่ชื่อนางโหลย กำมะณี อายุ 92 ปีอยู่บ้านเลขที่ 98 ม.13 ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
สำหรับบริเวณที่พักอาศัย มีการกางเต็นท์ผ้าไบเป็นหลังคากันแดดกันฝนและพบว่ามีรถยนต์เก๋งรุ่นเก่าจำนวน 2คันที่จอดเอาไว้ ซึ่งสภาพใช้การไม่ได้แล้ว แต่ละคันจะมีการนำพระพุทธรูปรูปปั้นฤาษี และรูปปั้นต่างๆ ตลอดเครื่องรางของขลังพระเครื่องมาติดตั้งแปะเอาไว้อยู่บนฝากระโปรงหน้าหลัง และหลังคารถ ตลอดทั้งภายในตัวรถอีกด้วยนอกจากนั้นยังมีโลงที่ทำเอาไว้ จำนวน 2 โลงตั้งอยู่ใกล้ๆมีที่นอนหมอนอยู่ภายในโลงเรียบร้อย ซึ่งจะใช้เป็นที่หลับนอนและทำสมาธิของฤาษีและแม่ชี
ฤาษีจำลอง เปิดเผยว่า ก่อนหน้าประกอบอาชีพช่างตีเหล็กและช่างเครื่องชีวิตเจอแต่ความล้มเหลว ทำอะไรก็ถูกโกง เคยมีครอบครัวแต่ไม่สมบูรณ์จึงหันมาทางธรรม ได้มาบวชเป็นพราหมณ์ เป็นพระ เป็นโยคีชุดขาวผมยาว และมาบวชเป็นพระก่อนสึกออกมาเป็นฤาษีทุกวันนี้ เพราะมีภาระที่จะต้องดูแม่เวลาทำอะไรจะไม่มีคนตำหนิ โดยสมาทานศีลแค่ 5 ข้อเท่านั้นถ้าเป็นพระอาจจะทำผิดวินัยจิตจะเศร้าหมอง
จึงต้องบวชเป็นฤาษีดูแลแม่มาตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งมีพี่น้องร่วม 6 คนเสียชีวิตไปแล้ว 3 คนตนเป็นคนเล็ก แต่จะมาดูแลแบบตนไม่มี และไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเวลาแม่ไม่สบายก็ไม่บอกใครจะดูแลเอง และไม่พาไปโรงพยาบาลเพราะไปก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก อาศัยฝึกให้มีสติ ถ้าไม่ไหวก็บอกให้ไปแต่ก็รอดมาทุกวันนี้ ส่วนรายได้จากบัตรสวัสดิการ ผู้สูงอายุของแม่บางครั้งมีลูกศิษย์ที่นับถือมอบให้เป็นบางครั้งอยากให้มาช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัยกันแดดกันฝนเท่านั้น
ฤาษีจำลอง กล่าวว่า ปัจจุบันจะเน้นเจริญสมาธิกรรมฐาน นั่งและเดินเจริญความตายเป็นอารมณ์ หายใจเข้าตาย หายใจออกตาย เจริญมรณะสติพอมีสิ่งอะไรเข้ามากระทบจะทัน มีสติ สมาธิ และมีปัญญาที่จะสามารถแยกแยะปล่อยวางการนอนโลง ทำให้มีสติ รู้จักนั่ง ยืน รู้จักเดินมากระทบ ได้ปล่อยวางเยอะในบรรดาฤาษีด้วยกันก็มีสอนให้คนหลงก็เยอะงมงายในวัตถุ ไม่สอนธรรมะแก่นแท้ ให้รู้ละรู้ปล่อย รู้เข้าใจชีวิต ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร เหมือนพ่อหลวงให้พอเพียงตอนนี้ตนพอแล้ว ถ้ามีบริจาคอะไรมา จะเอาไปเจือจุนคนที่ยากจนกว่าเราต่อไป
ฤาษีจำลอง กล่าวว่าอีกว่า สาเหตุที่นำพระพุทธรูป รูปปั้น ต่างๆเพราะตนมีความศรัทธา จึงได้นำมาติดตั้งไว้ที่กระโปรงหน้าและกระโปรงหลังรถส่วนคนมองก็มีทั้งสองแง่ แต่บางคนก็ว่าเพราะเป็นความศรัทธาของเขามีหลายคนมองว่าบ้า แต่ไม่เคยแคร์เอามาคิดเรารู้ว่าทำอะไรอยู่รู้ในจิตของเราไม่ไหลไปตามกระแสลมปากของเขาคนยังอายไม่กล้าทำหรอก เราทำไม่ได้อวดใคร
เราทำเพื่อใจรักไม่เดือดร้อนใครแต่ความเป็นอยู่ดูแลแม่ยังลำบาก เพราะตอนฝนตก ปัญหาจากฝนสาดอยู่กับพื้นดินตลอดเวลา ไม่สามารถขึ้นไปพักที่บ้านหลังเก่าได้เนื่องแม่อายุมากแล้วขึ้นลงลำบาก จึงต้องอยู่แบบนี้มานานเป็นสิบปีบางครั้งก็นอนในรถเปิดกระจกระบายอากาศเอา
สำหรับผู้ที่จิตใจกุศลที่จะทำบุญช่วยเหลือ สองแม่ลูกผู้ปฏิบัติธรรมสามารถช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาวังทอง หมายเลข 020328091812