การทำบุญ หลายคนก็จะนึกถึงทาน-การให้ การถวาย ซึ่งมีคำเรียกเป็นทางการว่า “ทานมัย” (บุญที่สำเร็จด้วยการให้ หรือการให้ก็เป็นบุญอย่างหนึ่ง) เช่น การใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายไตรจีวร ถวายเภสัชแก่พระ เป็นต้น ทำให้ถึงคราวอยากทำบุญขึ้นมาก็มักจะนึกถึงพระ นึกถึงการใส่บาตร การถวายสังฆทาน
…ในสมัยพุทธกาลมีผู้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ต่อไปหากไม่มีพระอรหันต์ หรือผู้คนไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์แล้วจะทำบุญกับใคร ?”
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ให้ทำบุญกับบิดามารดาของตน จะได้อานิสงส์เท่ากับทำบุญกับพระอรหันต์”
“การตอบแทนบุญคุณบิดามารดา”
พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่จะตอบแทนคุณแก่บุคคลทั้ง ๒ คือ มารดา ๑ บิดา ๑ เรากล่าวว่ากระทำไม่ได้ง่ายเลย
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงแบกมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และพึงปฏิบัติบำรุงทั้ง ๒ ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการบีบนวดอวัยวะต่าง ๆ แก่ท่านทั้งสอง แม้ท่านทั้ง ๒ ก็พึงถ่ายอุจจาระบนบ่านั่นเอง ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดา
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงตั้งมารดาไว้ในราชสมบัติ มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ อันมีรัตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ แม้กระนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนคุณมารดาบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง เป็นผู้สอนให้ลูกรู้จักโลก
“ส่วนบุตรคนใด ทำให้มารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธาให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้มีทุศีลสมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา ให้บิดามารดาผู้มีความตระหนี่สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้ทรามปัญญา สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านั้น และบุตรย่อมชื่อว่าเป็นผู้อันกระทำตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดาแล้ว”
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก
เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต