คำกล่าวจากใจของพระฝรั่ง ลูกศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง พระสุปฏิปันโนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมอันประเสริฐ ยังความเลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้แสวงหาความสุขสงบทางจิตใจ และทางแห่งการพ้นทุกข์ เช่นพระอาจารย์รูปนี้

“อาตมา..เกิดในประเทศ ด้อยพัฒนา ด้านจิตใจ อาตมายังถือว่าพุทธศาสนาของเรา นี้แหละเป็นความหวังของโลก เราควรจะภาคภูมิใจอย่างยิ่งว่า เราเป็นผู้มีบุญที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ แค่นี้ก็เรียกว่าบุญมหาศาลอยู่แล้ว และยิ่งกว่านั้นแล้วก็ยังมีบุญ ได้เกิดในเมืองพุทธ
อาตมานี้บุญไม่ถึงนะ อาตมานี้เกิดในประเทศด้อยพัฒนา ยังต้องเดินทางมาหลายพันกิโล จึงได้มาครองผ้าเหลืองกับท่านที่นี่
เกิดเป็นมนุษย์ด้วย เกิดเป็นคนไทยด้วย เกิดในอีสาน ซึ่งเป็นมหาอำนาจ ในทางคุณธรรมในโลกปัจจุบัน ถ้าเราเชื่อว่าสุดยอดการพัฒนามนุษย์ คืออรหัตตมรรค อรหัตตผล ก็ต้องยอมรับว่าศูนย์ผลิต ผู้ที่สูงสุดในประวัติศาสนา ที่สำคัญมากก็คือ อีสานของไทย

เราเองก็มีบุญได้มาเป็นลูกศิษย์ หรือหลานศิษย์ เหลนศิษย์ ของ”หลวงพ่อชา ซึ่งเป็นองค์หนึ่ง เป็นผู้หนึ่ง ที่เราถือในว่ามนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง ที่ได้เกิดในโลกนี้อยู่ในระดับยอดเยี่ยม
ที่มา : พระราชพัชรมานิต (ฌอน ไมเคิล ชิเวอร์ตัน ชยสาโร) (Ajahn Jayasaro) หรือ พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ท่อสี จ.นครราชสีมา
Ⓜ️ เรื่องที่น่าสนใจ |

"เราไม่มีบุญคุณต่อลูกและลูกไม่มีบุญคุณต่อเรา" ‘คนสมัยนี้เลิกกตัญญูกันแล้ว’ คุยกับพระอาจารย์ในแง่งามของความกตัญญู จริงๆแล้วเป็นอย่างไร “ลูกเกิดจากความต้องการของพ่อแม่เพียงฝ่ายเดียว ลูกไม่ได้ขอเกิด เมื่อคุณสร้างเขาขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองในการให้การเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ไม่ได้ถือว่ามีบุญคุณต่อกัน เข้าใจเสียใหม่ด้วย” ได้อ่านคอมเมนต์ความคิดเห็นของคนสมัยนี้ หลายคนตกใจในแนวคิดสุดโต่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เราถูกปลูกฝังกันมาเนิ่นนานในสังคมไทย “เป็นลูกต้องกตัญญูต่อพ่อแม่” “กตัญญูแล้วจะเจริญ” “คนอกตัญญูเป็นคนที่น่ารังเกียจ ไม่มีใครปรารถนาจะคบหาสมาคมด้วย เพราะพ่อแม่ตัวเองยังทอดทิ้งได้ คนอกตัญญูจึงเป็นคนชั่วที่ควรประณาม” มีคำกล่าวในทางพระพุทธศาสนาว่า “ถึงจะให้แผ่นดินทั้งหมดแก่คนอกตัญญู ก็ไม่อาจจะทำให้เขายินดี มีความรู้สึกถึงบุญคุณได้” กลายเป็นว่าความกตัญญูถูกผูกติดกับพระพุทธศาสนาไปโดยปริยาย ความจริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่ พุทธศาสนากับความกตัญญูเชื่อมโยงกันอย่างไร พระมหาทรงศักดิ์ จิรสุโภ จากวัดปากน้ำนนทบุรี มาช่วยตอบคำถามเรื่องของความกตัญญูว่าจำเป็นต่อความเป็นมนุษย์หรือไม่ อย่างไร.? “คำตอบต่อคำถามนี้หวังจะมีผลสัมฤทธิ์แก่ผู้มีสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์เพียงพอ โดยจะตอบแบบลัด สั้นกระชับ เข้าใจโดยง่าย และจะไม่ใช้คำบาลีอะไรที่กำกวมเข้าใจยาก “ก่อนจะตอบคำถามว่า ‘ความกตัญญูจำเป็นหรือไม่’ อาตมาขอให้ผู้อ่านทำจิตใจให้อยู่บนฐานแห่งสามัญสำนึก แล้วคิดตามตัวอักษรไปอย่างมีสติ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบตามความคิดความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ อันจะเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลแก่ผู้อ่านตามอุปนิสัยของแต่ละบุคคลไป “เริ่มจากคำว่า "พ่อแม่ทำให้ลูกเกิดขึ้นมา" เมื่อเรามองโจทย์เพียงเท่านี้ เราก็จะมีความรู้สึก "ไม่ต่าง" กับมุมมองที่เรามีต่อสัตว์บางชนิดที่ไร้จิตใจ เช่น ยุง…

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าเราแม้ใครจะมีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงใดแต่ก็มี ๔ ประการที่ไม่สามารถทำได้พุทธสาวกถามพระพุทธองค์ว่า “ในเมื่อพระองค์เป็นผู้ที่มี ความเมตตา แลมีอิทธิฤทธิ์มากมายไม่มีประมาณแล้ว เหตุใดเล่ายังมีคนที่ลำบากอยู่?” พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “พระองค์แม้จะมีอิทธิฤทธิ์มาก เพียงไรแต่ก็ไม่สามารถดลบันดาลหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้เพราะวิบากกรรมที่ทำกันไว้เป็นเรื่องแต่ละบุคคลที่สั่งสมกันมาข้ามภพข้ามชาติ” วิบากกรรมเปลี่ยนแปลงหรือรับแทนกันไม่ได้ ๑. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมเอาไว้ไม่มีใครรับแทนได้คนนั้นต้องรับเอง ๒. ปัญญาให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเองถึงจะเกิดปัญญาได้ ๓. ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาลต้องใช้การปฏิบัติหนทางเดียวเท่านั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง ๔. คนที่ไม่มีวาสนา ฝนแม้จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรมแม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา คนที่ไม่ได้สั่งสมบุญมาด้วยกันต่อให้พระมาโปรดก็ไม่ศรัทธาและไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นการยากที่พบพระพุทธศาสนา เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ เป็นการยากที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติมา” เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรเห็นคุณค่าของ การเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสี่ยโอกาส เสียเวลา ไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง ถึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็ตาม แต่จิตใจก็เป็นไปได้ใน ๒ ทางคือ ใจต่ำ เป็นอกุศลจิต ใช้ชีวิตอย่างประมาท ขาดสติ เป็นทางของสัตว์เดรัจฉาน เปรต…

“เรื่องของดวงจิต” ผู้ที่ไม่มีปัญญา จะเห็นลาภยศสรรเสริญ เห็นความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกายว่าเป็นความสุขอย่างยิ่ง แต่ไม่เห็นความทุกข์ที่จะตามมา เวลาที่ต้องสูญเสีย เวลาที่จะต้องพลัดพรากจากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ไป ผู้ที่มีปัญญาก็จะไม่ปรารถนาลาภยศสรรเสริญสุขกัน ผู้ที่มีปัญญาจะปรารถนาแต่ความสงบ ปรารถนาการทำลายความอยาก ไม่ต้องการให้มีความอยากอยู่ภายในใจ พอไม่ทำตามความอยาก ความอยากต่างๆ ก็จะหายไปหมด พอความอยากไม่มีในใจแล้ว พอร่างกายตายไป ก็ไม่ต้องไปมีร่างกายอันใหม่อีกต่อไป ขณะที่มีร่างกายก็ไม่ทุกข์กับความแก่ของร่างกาย ไม่ทุกข์กับความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย ไม่ทุกข์กับความตายของร่างกาย เพราะไม่มีความอยากไม่แก่อยากไม่เจ็บอยากไม่ตาย มันจะแก่มันจะเจ็บมันจะตาย ก็ไม่เดือดร้อน นี่แหละคือเรื่องจิตของพวกเรา ที่พวกเราสามารถที่จะมาพัฒนามาทำให้เป็นจิตที่มีแต่ความสุข เป็นจิตที่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เหมือนจิตของพระพุทธเจ้า จิตของพระสาวกทั้งหลาย จิตที่ไม่มาเกิดนี้ท่านเรียกว่า “นิพพาน” จิตที่ไม่มีความอยาก ไม่มีตัวที่จะทำให้เรามาเกิด ไม่มีตัวที่จะมาพาให้พวกเราต้องมาทำบุญทำบาป แล้วก็ทำให้เราต้องไปรับผลบุญผลบาปอย่างที่เราเป็นกันอยู่ในขณะนี้ ถ้าเราพบกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเรามีศรัทธา มีความเชื่อ แล้วสามารถปฏิบัติตามได้ ทำทาน รักษาศีล ภาวนาได้ ใจของเราต่อไปก็จะเป็นใจที่ปราศจากความอยากต่างๆ เป็นใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นใจที่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นี่คือเรื่องของดวงจิตดวงใจของพวกเราทุกคนที่ยังเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ ยังต้องไปเป็นดวงวิญญาณชนิดต่างๆ…