อานิสงส์การตั้งโรงทาน แจกอาหาร.. ดังที่เราเห็นกันในยุคกาลปัจจุบันนี้ ที่เรานำอาหาร เครื่องใช้ออกมาแบ่งปันกัน อานิสงส์ของการทำโรงทาน ในสมัยพุทธกาลคนยากคนจนมีเยอะ
ดังนั้นการตั้งโรงทานในสมัยพุทธกาลนั้น เจตนาเพื่อจะเลี้ยงคนยากคนจนเท่านั้น คนรวยไม่มีโอกาสกิน เป็นการเลี้ยงเพียงวรรณะเดียว เป็นการสร้างบารมีด้วยตัวเอง ซึ่งเกิดมาชาติใดก็จะไม่อดไม่อยาก

ในสมัยปัจจุบัน การตั้งโรงทานในวัดเนื่องในโอกาสต่างๆนั้น จุดประสงค์ก็คือต้องการแบ่งเบาภาระเรื่องอาหารของทางวัด เพราะหากไม่มีโรงทาน ทางวัดก็ต้องสิ้นเปลืองเงินทองจัดหาอาหารมาเลี้ยงคนที่มาที่วัด ยิ่งโดยเฉพาะช่วงที่มีงานใหญ่ๆโตๆ คนมางานกันเยอะ ถ้าไม่มีโรงทาน ภาระหนักก็จะตกอยู่กับทางวัดซึ่งการตั้งโรงทานในวัดนั้น
เป็นการเปิดกว้างให้คนทุกชั้นทุกวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็มีสิทธิมารับประทานอาหารได้อีกนัยหนึ่งการตั้งโรงทานในวัด เท่ากับเป็นการร่วมสร้างบุญสร้างกุศลกับพระสงฆ์องค์เจ้าด้วย เป็นการพึ่งบารมีของท่าน เป็นการร่วมสร้างบารมีกับท่าน เมื่อคนกินอาหารอร่อย เค้าก็จะโมทนากับเจ้าของโรงทาน โมทนากับหลวงปู่หลวงตาว่า

ดูซิ เพราะบารมีท่าน ถึงมีโรงทานเยอะแยะมากมายอย่างนี้ ไม่ได้อดไม่ได้อยากเลยพวกเรา อีกทั้งเทวดาก็โมทนาสาธุการกับเจ้าของโรงทานด้วย บางครั้งอาหารที่เรามาตั้งโรงทาน เราก็แบ่งส่วนหนึ่งไปถวายเพล ไปเลี้ยงพระ ซึ่งก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรว่า อาหารที่เราตั้งโรงทาน
จะต้องเลี้ยงคนที่มาที่วัดเท่านั้น จะนำไปเลี้ยงพระไม่ได้เพราะฉะนั้น หากมองในภาพรวมแล้ว การตั้งโรงทานในวัดนั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนยากคนจน ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกศิษย์วัด ใครจะเดินเข้ามากินก็ได้ที่สำคัญเป็นการร่วมทำบุญกับทางวัด ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การตั้งโรงทานในวัดจึงได้อานิสงส์มากกว่าตั้งโรงทานเพื่อเลี้ยงคนยากคนจนเพียงอย่างเดียว

อานิสงส์การตั้งโรงทาน แจกอาหาร
อานิสงส์ที่ได้รับ คือ เป็นผู้ที่ไม่ประมาท มีสติดี เมื่อละโลกนี้ไปแล้วจะเกิดในเทวโลก แวดล้อมด้วนเหล่าบริวารคอยบำรุงบำเรออยู่ตลอดกาลจะได้เสวยสมบติเป็นทิพย์ ครั้นเมื่อจุติจากเทวโลกแล้วมาปฏิสนธิในมนุษยโลกจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิครอบครองทวีปทั้ง 4 คือ ชมพูทวีปอุตตกุรุทวีป อมรโคยานทวีป และปุพพวิเทหทวีป

มีรัตนะทั้ง 7 (สัญลักษณ์ของจักรพรรดิราช) คือ จักรแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้วช้างแก้ว ม้าแก้ว และมณีแก้ว แม้ในอนาคตชาติก็จะได้เกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิเป็นมนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง และเป็นที่เคารพบูชาของมหาชน แม้เหล่าเทวดาก็ชื่นชมยินดียกย่องสรรเสริญ มีรูปกายงดงามสมส่วนเป็นสง่าน่าเกรงขาม มียศมากอำนาจมาก มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่านไม่มีความสะดุ้งหวั่นไหว และจะได้บรรลุคุณวิเศษทั้งปวง
ขอบคุณที่มา
Ⓜ️ เรื่องที่น่าสนใจ |

อานิสงส์ทำบุญโรงทาน-สร้างโรงครัว ถือว่าร่วมสร้างบุญสร้างกุศลกับพระสงฆ์องค์เจ้า เป็นการสร้างบารมีด้วยตัวเอง บุญหนุนนำชีวิตมากกว่าที่คิด เมื่อเราไปตั้งโรงทานไปทำบุญทำทาน เราเห็นคนมารับของโรงทานของเราเราก็ให้ไป ใจของเราก็มีความสุขในการให้ ผู้รับก็ยิ้มแย้มแจ่มใสในการรับไป บุญนี้มองไม่เห็นตัวเป็นรูปธรรม แต่เป็นนามธรรม เป็นพลังถ้าผู้ใดได้ทำผู้นั้นจะรู้สึกดี อานิสงส์ของผู้ที่ทำโรงทานถือว่าร่วมสร้างบุญสร้างกุศลกับพระสงฆ์องค์เจ้า อานิสงส์ของการทำโรงทานในสมัยพุทธกาล คนยากคนจนมีเยอะดังนั้นการตั้งโรงทานในสมัยพุทธกาลนั้น เจตนาเพื่อจะเลี้ยงคนยากคนจนเท่านั้น คนรวยไม่มีโอกาสกิน เป็นการเลี้ยงเพียงวรรณะเดียวเป็นการสร้างบารมีด้วยตัวเองซึ่งเกิดมาชาติใดก็จะไม่อดไม่อยาก ในสมัยปัจจุบันการตั้งโรงทานในวัดเนื่องในโอกาสต่างๆนั้น จุดประสงค์ก็คือต้องการแบ่งเบาภาระเรื่องอาหารของทางวัด เพราะหากไม่มีโรงทานทางวัดก็ต้องสิ้นเปลืองเงินทองจัดหาอาหารมาเลี้ยงคนที่มาที่วัด ยิ่งโดยเฉพาะช่วงที่มีงานใหญ่ๆโตๆคนมางานกันเยอะ ถ้าไม่มีโรงทานภาระหนักก็จะตกอยู่กับทางวัดซึ่งการตั้งโรงทานในวัดนั้น อานิสงส์ที่ผู้สร้างบุญได้รับ คือเป็นผู้ที่ไม่ประมาทมีสติดี เมื่อละโลกนี้ไปแล้วจะเกิดในเทวโลกแวดล้อมด้วยเหล่าบริวารคอยบำรุงบำเรออยู่ตลอดกาล จะได้เสวยสมบัติเป็นทิพย์ ครั้นเมื่อจุติจากเทวโลกแล้วมาปฏิสนธิในมนุษยโลกจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิครอบครองทวีปทั้ง 4 คือ ชมพูทวีป อุตตกุรุทวีป อมรโคยานทวีปและปุพพวิเทหทวีป มีรัตนะทั้ง 7 (สัญลักษณ์ของจักรพรรดิราช) คือจักรแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว และมณีแก้วแม้ในอนาคตชาติก็จะได้เกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิเป็นมนุษย์บ้างเทวดาบ้าง และเป็นที่เคารพบูชาของมหาชน แม้เหล่าเทวดาก็ชื่นชมยินดียกย่องสรรเสริญ มีรูปกายงดงามสมส่วนเป็นสง่าน่าเกรงขามมียศมากอำนาจมากมีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่านไม่มีความสะดุ้งหวั่นไหวและจะได้บรรลุคุณวิเศษทั้งปวง อานิสงค์ปัจจุบัน 1. ไม่อดหรือขาดเเคลนอาหารการกินตลอดชีวิตในปัจจุบันเเละภพหน้า (สร้างเหตุใดย่อมได้เหตุนั้น) 2.…

วัดเก้าตำลึง (วัดชัยสุวรรณ) เป็นวัดในถิ่นชนบท ตั้งอยู่ที่ ม.๒ ต.บ้านเนิน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๐ มีพ่อท่านทอง เป็นคนสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา พ่อท่านทอง เป็นสหธรรมิก (เป็นเพื่อน) กับพ่อท่านชูเฒ่า วัดพัทธเสมา ในสมัยก่อนมีการแลกเปลี่ยนความรู้กัน(ทดสอบวิชา) โดยการลงไปอาบน้ำในกาน้ำเล็กๆกัน จนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อประมาณ ๑๘๒ ปี(ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๗) มาแล้วคือราวพ.ศ.๒๓๗๕ มีครอบครัวหนึ่งชื่อ นายบุญแก้ว และนางบุญเกิด นนทะแก้ว ทั้งสองคนผัวคู่นี้ประกอบแต่กรรมดี มีธรรมมะประจำใจ อยู่กินมาด้วยความสุข มีลูกด้วยกัน ๗ คนคือนางทองมี นายทองนายเสือ นายนุ้ย นางพูน นางช่วย และนางหลิ้ม ตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้วัดทวยเทพ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเก้าตำลึง (ปัจจุบันเรียกว่าวัดชัยสุวรรณ) เมื่อนายทองเจริญวัยจนสามารถบวชเณรได้ บิดามารดาก็พามาบวชที่วัดเก้าตำลึง สาเณรทองเป็นสามเณรที่อยู่ในระเบียบวินัย และโอวาทของเจ้าอาวาส พยายามศึกษาพระธรรมวินัย จนอายุครบที่จะบรรพชาอุปสมบท…

“เศรษฐี” ในครั้งพุทธกาล ต้องมี..“โรงทาน” ถ้าไม่อย่างนั้น เป็นเศรษฐีนอกพระพุทธศาสนา มีหลักที่สรุปเป็นใจความสั้นๆได้ว่า "ทำมาก กินเก็บแต่พอดี เหลือช่วยผู้อื่น” เศรษฐี ตามความหมายของคำว่า “เศรษฐี" "เศรษฐี" แตกต่างกันกับ "นายทุนสูบเลือด" ❝ อยากจะเอามาเล่าให้ฟังกันหน่อย บางคนอาจจะยังไม่ทราบก็ได้ คำว่า "เศรษฐี เศรษฐี" น่ะ! ตัวหนังสือคำนี้มันแปลว่า "ประเสริฐที่สุด" เศรษฐี เศรษฐ นั้นแปลว่า "ประเสริฐ" เศรษฐีผู้มีความประเสริฐนั้นมันประเสริฐจริงๆ ถ้าเศรษฐีถูกต้องตามลักษณะของคำนั้น แต่เดี๋ยวนี้ มันไม่มี ไม่มีเศรษฐีชนิดนั้น มันมีแต่ "นายทุนสูบเลือด" คนที่มั่งมีมากๆนั้นมันเป็นนายทุนสูบเลือดเพื่อนมนุษย์ ทำนาบนหลังคนไม่พอ แล้วมันทำนาบนหัวคน โน้น! เอากับมันสิ! ถ้าว่าเป็นระบบเศรษฐีที่ถูกต้องนั้น เขาอยู่กันอย่างเพื่อนมนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีข้าทาสบริวาร แต่ว่ามันเป็นข้าทาสที่อยู่กันด้วยความรัก ไม่ใช่ซื้อมาใช้อย่างสัตว์ทรมาน ฉะนั้น…