ลูกชาย : พ่อครับ ผมจะแต่งงานนะครับ
คุณพ่อ : แกต้องขอโทษพ่อก่อน…!!
ลูกชาย : ทำไมผมต้องขอโทษล่ะครับ ผมทำอะไรผิด…?
คุณพ่อ : แกแค่พูดขอโทษก่อนได้มั้ยละ…?
ลูกชาย : เพราะอะไร…? ผมผิดอะไรครับพ่อ ทำไมผมต้องขอโทษ
คุณพ่อ : ขอโทษมาก่อน…!!
ลูกชาย : ทำไมครับพ่อบอกเหตุผลมาก่อนว่าเพราะอะไร…?
คุณพ่อ : ขอโทษ พูดก่อนซิ…!! แล้วพ่อจะอธิบายให้ฟัง
ลูกชาย : ผมอยากรู้ว่าผมทำผิดอะไรครับพ่อ…?
คุณพ่อ : ขอโทษก่อน…!!
ลูกชาย : ก็ได้ครับ ผมขอโทษพ่อครับ
คุณพ่อ : ตอนนี้แกพร้อมที่จะแต่งงานแล้ว
นี่เป็นบททดสอบแรกก่อนที่แกจะแต่งงาน เมื่อไหร่ที่แกรู้จักขอโทษโดยที่ไม่ต้องรู้ถึงสาเหตุและเหตุผล แกมีคุณสมบัติในการแต่งงาน ชีวิตครอบครัวของแกจะยั่งยืน แต่ถ้าแกยังยึดติด ยึดมั่นถือมั่นว่าหากตนไม่ผิดก็จะไม่ขอโทษ จะไม่เอ่ยปากขอโทษก่อนโดยไม่มีเหตุผลมารองรับ แบบนี้แก่ยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานมีครอบครัวหรอก
สักวันหนึ่งที่แกจะแต่งงานกับใคร จำบททดสอบที่พ่อให้พี่แกทำเมื่อสักครู่นี้ให้ดี พูดคำว่าขอโทษไม่จำเป็นต้องผิดเสมอไป บางครั้งเราต้องขอโทษเพื่อรักษาความรู้สึกของอีกฝ่าย จำไว้ว่า… คู่รักไม่ใช่คู่แข่ง ยอมได้ก็ยอมไม่ต้องเอาชนะกันทุกเรื่องก็ได้
“ขอโทษ”… คือทำกล่าวของคนที่ทำความผิด สำหรับคนทั่วไป
แต่สำหรับคู่ชีวิต หรือ ครอบครัว บางครั้งก็ต้องพูดออกมาทั้งๆที่มันไม่มีที่มาและที่ไป ไม่มีเหตุและผลให้ถามหา เพราะต่อให้เถียงกันจนชนะด้วยเหตุผลของใครคนใดคนหนึ่ง ผลลัพธ์คือแพ้ราบคาบด้วยกันทั้งสองฝ่าย สิ่งนี้คือความต้องการของคนทั้งสองหรือไม่…? คำตอบคือไม่…!!
แต่ทำไมเวลาไม่เข้าใจกัน กลับไม่กล้าขอโทษอีกฝ่าย คำตอบคือ เพราะทิฐิ หากใครคนใดคนหนึ่งง้ออีกฝ่ายหนึ่งก่อน ขอโทษอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เธอจงรู้ไว้เขาอาจไม่ใช่ฝ่ายผิดแต่เพราะเขารักอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า เขาแค่เป็นผู้ที่ยอมลดอัตตาของตัวเองลงก่อน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเอ่ยคำขอโทษ อีกฝ่ายหนึ่งต้องพร้อมให้อภัย ให้โดยไม่ติดใจ.. อีกหนึ่งเคล็ดลับของการประคองชีวิตคู่ก็คือ คำขอโทษที่ไม่ต้องมีเหตุผล
ขอบคุณที่มา : bitcoretech.com