หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดนครศรีอยุธยา องค์บูรพาจารย์ของหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง เป็นต้นตำรับการเป่ายันต์เกราะเพชร
หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า งานเป่ายันต์แต่ละครั้ง เรือแพแน่นขนัดไปทั้งแม่น้ำ เดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย ๆ ผู้คนหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน หุงข้าวพร้อมกันทีละแปดกระทะ ตั้งแต่เช้ายันเย็นยังไม่พอเลี้ยงคนเลย…
ยันต์เกราะเพชรนี้ หลวงพ่อปานศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม
ประวัติพระครูพิทักษ์อินทมุนี ( พระอาจารย์สมนึก ฉนฺทธมฺโม ) เจ้าอาวาส วัดหรงบน (หลวงปู่เขียว อินทมุนี) ต.บางตะพง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รูปปัจจุบัน
ชาตภูมิ
เดิมชื่อ สมนึก พุ่มนก เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๙ ตรงกับ วันอังคาร แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก บิดาชื่อ คลิ้ง พุ่มนก มารดาชื่อ พั้ว พุ่มนก ภูมิเลาเนาเดิมอยู่ที่อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัด สงขลา เรียนจบชั้นประถม ๖ ที่โรงเรียนวัดคอหงษ์ อำเภอหาดใหญ่ เรียนจบชั้น มศ.๖ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยา เรียนจบชั้น ปวส.ที่โรงเรียนหาดใหญ่พานิชการ หลังจากเรียนจบก็ได้ไปทำงานกับญาติที่อำเภอธารโต ตำบลสุครินทร์ อยู่พักนึงจนกระทั่งมีญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตลงที่อำเภอหาดใหญ่ จึงได้กลับไปบ้านเกิดที่อำเภอหาดใหญ่และได้อุปสมบทอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่เสียชีวิตลง
อุปสมบท
หลวงพ่อสมนึก อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา เมื่ออายุได้๒๔ปี วันที่ ๒๔ กุมภาพันธุ์ พ.ศ.๒๕๒๓ โดยมี พระปริยัติวรานุกูล อดีตเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเชือน สนฺตจิตฺโต วัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฉนฺทธมฺโม ผู้มีความพอใจเป็นปกติ
หลังอุปสมบทแล้วก็เกิดศรัทธาอยากจะอยู่เป็นพระศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านำมาประพฤติปฏิบัติสั่งสอนสืบทอดพระศาสนาต่อไปจึงได้อยู่วัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)เพื่อศึกษาหาความรู้จากพระอุปัชฌาย์และครูบาอาจารย์จนกระทั่งเรียนจบนักธรรมชั้นเอกที่วัดหงษ์ประดิษฐารามเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ อายุได้๒๖ปี พรรษาที่๓ นับว่าท่านเรียนได้ปีละชั้น หลังจากจบนักธรรมชั้นเอกแล้ว ท่านก็ช่วยสอนพระภิกษุสามเณรในสำนักเรียนวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)ต่อ และยังรับงานเป็นพระเลขานุการของพระปริยัติวรานุกูลพระอุปัชฌาย์ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ในขณะนั้น
หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม มีนิสัยเป็นผู้มีเมตตาสูงจึงเป็นที่รักใคร่ของพระภิกษุสามเณรในระหว่างนั้นท่านเหนื่อยมากเพราะมีหน้าที่มากและพระภิกษุสามเณรในความรับผิดชอบก็หลายรูป เมื่อออกพรรษาแล้วท่านก็มักหลีกออกไปธุดงค์ตามป่าเขาเลาเนาไพรเพื่อปลีกวิเวกเจริญสมณธรรมกรรมมัฏฐานสมถะวิปัสสนาขจัดกิเลสตัณหาเพื่อความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ในบางครั้งท่านก็ไปคนเดียวเที่ยวไปในป่าแถบจังหวัดสงขลา สตูล พัทลุง บางครั้งท่านก็ธุดงค์ไปกับพระสหธรรมิกเช่น พระอาจารย์เจริญ(เขียว) วัดโพธิ์เจริญ อำเภอรางู จังหวัดสตูล และอีก๒-๓รูป
รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหรงบน
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๓ หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ได้ไปร่วมพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดโคกสมานคุณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา โดยพระครูสมานคุณากรณ์(พ่อท่านจันทร์ จนฺทวํโส)และได้พบกับคุณณรงค์ เลติกุล ศิษย์ หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัด นครปฐม ซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชรให้พระครูสมานคุณากรณ์(พ่อท่านจันทร์ จนฺทวํโส)
คุณณรงค์ เลติกุล จึงได้นิมนต์หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ให้มาอยู่วัดหรงบนเพราะวัดหรงบนขณะนั้นไม่มีพระภิกษุที่มีความสามารถมีแต่หลวงตาชราๆอยู่เฝ้าวัดเท่านั้น กุฏิวิหารก็เก่าทรุดโทรมผุพังไปตามกาลเวลา เมื่อหลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม มาอยู่วัดหรงบนก็ได้มีพระภิกษุมาอยู่ด้วยกันหลายรูป และมีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนจนมีพระภิกษุสามเณรเต็มวัดกว่า๕๐รูป จนไม่มีกุฏิพอให้พระเณรจำวัดหลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม จึงสร้างกุฏิเพิ่มเติมขึ้นอีกกว่า๓๐หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ก็ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหรงบน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหรงบนเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๗ อายุได้ ๓๘ปี พรรษา ๑๔ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นตลอดมา
พ.ศ.๒๕๕๕ อายุได้๕๖ปี๓๑พรรษา ได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์ที่ พระครูพิทักษ์อินทมุนี เมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ และได้เดินทางไปรับใบตราตั้งตาลปัตรพัดยศที่จังหวัดระนองเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๖
สำหรับประวัติหลวงพ่อสมนึกท่านเมตตาเล่าถึงเรื่องราวย้อนหลังกลับไปให้ผมฟังว่าเมื่อสมัยที่โยมนิมนต์ท่านมาอยู่วัดหรงบนใหม่ๆปี พ.ศ. ๒๕๓๓ นั้น วัดหรงบนมีสภาพทรุดโทรมอย่างมากด้วยเพราะว่าวัดหรงบนขาดพระเณรดูแลมีเพียงหลวงตาจำวัดอยู่แค่รูปเดียว ท่านมองเห็นสภาพวัดหรงบนทรุดโทรมจึงอยากบูรณะวัดหรงบนใหม่แต่ก็เจอกับปัญหาอย่างใหญ่หลวงเนื่องจากวัดไม่มีปัจจัยจะบูรณะซ่อมแซมวัดเลย อีกสาเหตุอย่างหนึ่งก็คือวัดหรงบนไม่คอยมีคนเข้ามาทำบุญ
หลวงพ่อสมนึกท่านก็เริ่มเข้าใจปัญหาของที่นี้มากขึ้นแต่ไม่ก็รู้จะใช้วิธีการใดจึงจะสามารถดึงศรัทธาของคนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบูรณะวัดขึ้นมาด้วยเหตุนี้เองท่านจึงตัดสินใจศึกษาคาถาอาคมในพระคัมภีร์ แต่ก็ต้องมาพบเจอปัญหาอีกครั้งเพราะว่าตำราวิชาอาคมล้วนเขียนด้วยอักษรขอมทำให้หลวงพ่อสมนึกไม่สามารถจะศึกษาต่อได้
จากนั้นท่านจึงหันมาศึกษาอักษรขอมไทย เริ่มตั้งแต่การศึกษาพยัญชนะ สระ ผสมสระกับพยัญชนะให้เป็นคำ แปลอักษรขอมเป็นภาษาบาลี แปลภาษาบาลีเป็นภาษาไทย แปลภาษาไทยอักษรขอมเป็นต้น เมื่อท่านอ่านเขียน ท่องจำอักษรขอมไทยจนชำนาญโดยใช้ระยะเวลาเพียง ๓เดือนก็สามารถศึกษาสำเร็จ หลวงพ่อสมนึกจึงศึกษาคัมภีร์ปถมังซึ่งเป็นขั้นต้นของการศึกษาวิชาอาคม หลวงพ่อสมนึกท่านเล่าว่าในคัมภีร์ปถมังบอกว่าเริ่มแรกด้วยการทำพินทุ คือแววกลม ถือเป็นปฐมกำเนิด
จากนั้นจึงแตกเป็นทัณฑะ เภทะ อังกุ และสิระตามลำดับ สำเร็จเป็นปถมังพินทุ เวลาทำใช้แท่งดินสอเขียนลงบนกระดานชนวน มีการเรียกสูตรบริกรรมคาถากำกับตลอด จนสำเร็จเป็นนะปถมัง มีการนมัสการและเสกตามลำดับ ขณะทำมีขั้นตอนและวิธีการที่สลับซับซ้อนพิสดารมาก เนื้อหาของคัมภีร์ปถมังนี้มีทั้งสิ้น ๙ วรรค หรือ ๙ กัณฑ์ แต่ละกัณฑ์เป็นวิธีการทำผงเพื่อฝึกจิตอย่างพิสดารต่างกันไป โดยทุกวรรคหรือทุกกัณฑ์จะเริ่มต้นด้วยนะปถมังพินทุ
จากนั้นจะแยกแยะไปเป็นอุณาโลม อุโองการ องค์พระภควัม หัวใจพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ฯลฯ ต่างกันไปในแต่ละวรรค แต่ทุกวรรคจะจบที่สูญนิพพาน คือ นิพพานัง ปรมัง สุญญัง เหมือนกันทั้งสิ้น ขณะทำผู้ทำจะใช้จิตเพ่งอักขระ มือเขียน พร้อมบริกรรมคาถาอย่างต่อเนื่องจนจิตสงบเป็นเอกัคคตาสมาธิ เมื่อจบสูตรแล้วจึงเอามือลบอักขระบนกระดาน กล่าวกันว่าหากจิตเป็นสมาธิแน่วแน่ ผงดินสอพองบนกระดานชนวนนั้นบางทีก็จะร่วงหล่นหรือทะลุลอดแผ่นกระดานลงไปอยู่เบื้องล่างได้ เรียกว่าผงปัดตลอดหรือผงทะลุกระดาน เป็นของวิเศษมีอานุภาพยิ่งนัก หลวงพ่อสมนึกเล่าว่า
การศึกษาคัมภีร์ปถมังเป็นการ ฝึกสมาธิ ไปในตัวแล้วก็จะสามารถถึงองค์ฌานได้ อีกประการหนึ่งเป็น วิปัสสนา คือการคิดอย่างชาญฉลาด มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง เกี่ยวกับสังขารธรรมอย่างละเอียดโดยใช้ลักษณะต่าง ๆ นานา เช่น เมื่อคิดทำความเข้าใจเรื่องรูปขันธ์จนแจ่มแจ้งชัดเจนด้วยญาณปริญญาแล้ว ก็คิดถึงรูปขันธ์โดยใช้ลักษณะที่ไม่เที่ยงของรูปขันธ์ว่า “รูปขันธ์ไม่เที่ยง เพราะปกติแล้วรูปขันธ์ ต้องสิ้นไป เป็นต้น
หลวงพ่อสมนึกเมตตาเล่าถึงการศึกษาคัมภีร์ปถมังว่าศึกษาเพื่ออะไรซึ่งท่านก็ได้อธิบายให้เข้าใจง่ายเป็นข้อๆ ดังนี้
๑.การใช้ จิต ให้ถูกต้องไปตามแต่วิชานั้นๆเนื่องจากวิชาแต่ละวิชาใช้จิตไม่เหมือนกัน เช่น วิชาคงกระพันชาตรี จิตใจต้องกล้าแกร่งเกรงไม่กลัวต่อศัตราวุธที่พุ่งมาออก วิชาเมตตามหานิยม ทำจิตให้รักผู้อื่นเปรียบกับบุตรของตน วิชามหาอุด ต้องทำจิตให้อุดปิดทวารทั้ง๙ วิชาชาตรี คนส่วนใหญ่มักเรียกรวม วิชาคงกระพัน กับ วิชาชาตรีเข้าด้วยกัน เป็นวิชาคงกระพันชาตรีแต่ที่จริงแล้ววิชาชาตรีนั้นต่างจากวิชาคงกระพันตรงที่ วิชาคงกระพันฟันแทงไม่เข้าแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดเกิดขี้นอยู่ แต่วิชาชาตรีนั้น ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะวิชาชาตรีนั้นทำให้ของหนักต่างๆที่จะมากระทบตัวจะเบาไปหมด เป็นต้น
๒.การรู้จักใช้ ลมปราณ คือการสูดลมหายใจเข้า-ออก โดยการสูดเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอากาศแล้วเคลื่อนย้ายมาสู่ลมหายใจร่างกายจนไปถึงแขนมือจนในที่สุดก็ลงสู่ปากกาหรือดินสอและตัวอักขระนั้นๆ
๓.การใช้ กสิณ การใช้กสิณโดยตรงเมื่อจะลงอักขระนั้นต้องให้อักษรมีแสงสว่างเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนตัวอักษรนั้นๆ
๔.รู้จักการทำ สมาธิ การทำสมาธิจิตใจแน่วแน่เป็นหนึ่งไม่วอกแวก จิตใจจะต้องสงบขณะที่ทำการลงอักขระนั้นๆ และ ๕.การใช้ คาถาการใช้คาถาแต่ละด้านให้ตรงกับวิชานั้นๆ เป็นต้น
หลังจากหลวงพ่อสมนึกศึกษาคัมภีร์ปถมังสำเร็จแล้วท่านจึงหันมาศึกษาเรื่องยันต์ต่างๆท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่ายันต์แรกที่ท่านเริ่มศึกษาคือ ยันต์ตรีนิสิงเห ท่านบอกว่ายันต์ตรีนิสีเหเป็นแม่ยันต์ทั้งปวงถึงแม้จะมีแต่ตัวเลขแต่ก็รวมคาถาต่างๆมาอยู่ในยันต์นี้หมดสำหรับยันต์ตรีนิสีเหโบราณใช้แขวนเรือนเวลาคลอดบุตรหรือเรือนผู้มีลูกอ่อน
เพื่อป้องกันภูตผีปีศาจและโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยันต์ตรีนิสิงเห ยังนิยมใช้จารบนแผ่นโลหะติดเสาเรือน เพื่อปัองกันไฟไหม้และฟ้าผ่า ตัวเลขชุดดังกล่าวเป็นกลเลขที่สามารถถอดไปได้อีกเช่นเดียวกับจตุรัสกลในทาง คณิตศาสตร์ โดยการตั้งฐานเลขและบวกลบคูณหารตามขั้นตอนในคัมภีร์ตรีนิสิงเห จนได้ผลลัพธ์เป็น อัตราตรีนิสิงเห โดยอัตราเลขชุดนี้สามารถตั้งบวกลบคูณหารต่อไปได้อีกตามกลแต่ละแบบยันต์ ตรีฯนี้ เป็นหนึ่งในขั้นต้นในการลบผง(ปถมัง อิธิเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช) ผงที่ได้จากการทำตามคัมภีร์ตรีนิสิงเห เรียกผงตรีนิสิงเห เชื่อว่ามีอานุภาพทั้งทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม ตลอดจนถอนคุณไสยสิ่งอวมงคลทั้งมวล
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
ศิษย์มีครู เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา
การล้างพิษ (Detox) เป็นกระบวนการที่ช่วยกำจัดสารพิษหรือสิ่งสกปรกที่สะสมในร่างกายออกไป อาหารจัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด อาหารบางประเภทสามารถช่วยในกระบวนการนี้ได้ดี โดยมีคุณสมบัติในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือ 10 อาหารที่ช่วยในการล้างพิษ: 1. มะนาว มะนาวมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย… อ่านเพิ่มเติม..
ข้อเข่า โดยทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายบานพับ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกาย การดูแลข้อเข่าอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันการเสื่อมก่อนวัย และลดปัญหาอาการปวดหรือข้ออักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้ อาหารบำรุงข้อเข่าให้เสื่อมช้าลง ปลา ที่มีโอเมก้า 3 เช่น โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น… อ่านเพิ่มเติม..
• ท่านพระมหาโมคคัลลานะ พระเถระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระโคตมพุทธเจ้า เป็นพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์มาก คู่กับพระสารีบุตร ผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา พระมหาโมคคัลลานะ มีชื่อเดิมว่า "โกลิตะ" เป็นบุตรพราหมณ์ท้ายบ้านผู้หนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกรุงราชคฤห์ โกลิตมาณพ เป็นเพื่อนสนิทกับอุปติสสมาณพ หรือ พระสารีบุตร… อ่านเพิ่มเติม..
พระพุทธเจ้าทรงแสดงอุบายแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ พระมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ในหมู่บ้านโกลิตคาม ได้ชื่อว่า “โกลิตะ” ตามชื่อของหมู่บ้าน มารดาชื่อโมคคัลลี คนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “โมคคัลลานะ” ตามชื่อของมารดา ท่านเป็นสหายที่รักกันมากับอุปติสสมาณพ (พระสารีบุตร) เที่ยวแสวงหาความสุขความสำราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย… อ่านเพิ่มเติม..
บทสวดมนต์ประจำวันเกิด แบบเต็มและแบบย่อทั้ง 7 วัน ตามกำลังวัน สวดก่อนนอนชีวิตราบรื่น ร่มเย็น เสริมสิริมงคล ประโยชน์ของการสวดมนต์ก็คือทำให้จิตใจเราผ่องใส และจิตใจสงบมากขึ้น ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ พระประจำวันเกิด คือ พระพุทธรูปปางถวายเนตร บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอาทิตย์… อ่านเพิ่มเติม..
อาการท้องผูก ท้องอืด ถึงแม้จะไม่ส่งผลอันตรายมากถึงชีวิตแต่ก็สร้างความอึดอัดไม่สบายท้อง หรืออาจลุกลามกลายเป็นโรคอันตรายในอนาคตได้ และที่สำคัญอาการเหล่านี้มักส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง! ผลไม้หลายชนิดอุดมไปด้วยใยอาหาร ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ผลไม้ 9 ชนิดช่วยขับถ่าย กากใยสูง แก้อาการท้องผูกชนิดไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย 1.มะละกอสุก เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงและหาทานง่าย… อ่านเพิ่มเติม..
This website uses cookies.