เหรียญ ๑ บาท พญาครุฑ ปี ๒๕๑๗ นี้ หลายๆคนพกติดตัว เลี่ยมอย่างดี และเป็นที่ชื่นชอบของนักพจญไพร ว่า มีพลังงานบางอย่าง ที่สามารถขับไล่ภูตผีปีศาจ สิ่งอัปมงคลได้ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยแล้วเหรียญอื่นๆมีพลังแบบเดียวกันหรือไม่ วันนี้เราจะพามาไขข้อข้องในในฉบับของโหราศาสตร์ในเรื่องนี้กัน
ประการแรก รูปลักษณ์ของพญาครุฑ เหรียญครุฑรุ่นนี้ เป็นลักษณะเฉพาะ คือ ช่วงขาของครุฑ ในปี๒๕๑๗ นั้น เป็นลักษณะเหยียดตรง เพื่อโฉบเข้าไปจัดการเหยื่อ แม้เหรียญบาทปี ๒๕๑๕ นั้นจะมีลักษณะเดียวกัน แต่ลักษณะเหรียญเป็นเหลี่ยมๆ ไม่กลมเหมือนเหรียญปี ๒๕๑๗
พญาครุฑ ก็ต้องอาศัยธาตุลมในการออกฤทธิ์ ถ้าเหลี่ยมๆ ก็ไม่เป็นธาตุลม ในลักษณะของปีอื่นๆ จะเป็นลักษณะงอเข่าตลอดมีความแปลกน่าสนใจสำหรับปี ๒๕๑๗
ประการที่สอง ตัวเลขของปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ใช้หลักเลขศาสตร์ของดวงดาว ตัวเลขเหล่านี้ แทนดวงดาวได้ด้วย จับคู่แรก ๒ กับ ๕ นี่คือคู่ธาตุดิน และ ๑ กับ ๗ เป็นคู่ธาตุไฟ และเหรียญกลม เป็นธาตุลม วัสดุเหรียญที่ทำ เป็นนิกเก้ล เกิดจากการหลอมเหลวของโลหะมีธาตุน้ำแฝงอยู่
จึงจัดได้ว่า เป็นเหรียญ ธาตุครบ และตัวเลข ๕๑๗ นี้ สำคัญนัก ที่จะดันให้พญาครุฑ มีกำลังมากโดยไม่ต้องปลุกเสกนั่นคือ ตำนานชาติเวร ที่นักโหราศาสตร์ต้องร่ำเรียนและจดจำ มาใช้ในการพยากรณ์ คือเรื่องของพระอินทร์ พญาครุฑ พญาราชสีย์ พญานาค พระราหู โดยเรื่องราวมีดังนี้
ในปฐมกัลป์อันล่วงมานานแล้ว พระอาทิตย์ ๑ พระอังคาร ๓ พระฤหัสบดี ๕ พระเสาร์ ๗ ได้เกิดเป็นเทวดา สี่องค์ มีดำริ จะสร้างดิน แลน้ำ ไว้เป็นที่อาศัยแก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย และมีความเห็นว่าพระราหูมีฤทธิ์มาก ควรจะเป็นกำลังในการสร้างครั้งนี้ด้วย
แต่พระราหูได้ตอบปฏิเสธไปอย่างไม่แยแสว่า ดูกรสหายทั้งสี่ อันตัวเรานี้จะอยู่บนดิน หรือในน้ำก็หามิได้.. การสร้างครั้งนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่เรา ท่านจงสร้างโดยลำพังเองเถิด
เทพบุตรทั้งสี่ ก็มีความแค้นเคืองพระราหู เป็นอันมาก จึงกลับมาประชุมกัน สร้างดินและน้ำ ขึ้นตามความปรารถนา มีน้ำอมฤตเกิดขึ้นในครั้งนั้น แล้วเทวดาทั้งสี่ ได้แบ่งหน้าที่กันรักษา #พระพฤหัสบดี ๕ เป็นพระอินทร์ รักษาเขาสุเมรุราช #พระอาทิตย์ ๑ เป็นพญาครุฑ รักษาเขาสัตตปริพันธ์ทั้งเจ็ดพระอังคาร ๓ เป็นพระยาราชสีห์ รักษาป่าหิมพานต์ #พระเสาร์ ๗ เป็นพญานาค รักษาพระมหาสมุทร (จำตัวเลขกันไว้ดีๆนะ)
ครั้นนานมา ถึงคราวจะเกิดกรรมวิบาก ชาติเวร แก่กัน พญาครุฑ (๑) ได้เห็นพญานาค (๗) ก็อยากจะกินเป็นอาหาร จึงได้สำแดงฤทธิ์เข้ารุกไล่พญานาค พญานาคสู้ไม่ได้ ก็หนีไปพึ่งพระราหูพระราหูจึงได้ ร้องตวาดพญาครุฑด้วยถ้อยคำอันหยาบช้าว่า เหวยๆ พญาครุฑ คิดทุจริต ทำร้ายมิตรสหาย
ว่าแล้ว พระราหู(๘) ก็ไล่พิฆาตพระอาทิตย์(๑) พระอาทิตย์ สู้ไม่ได้ก็หนีไปยังสำนักพระอินทร์(๕) พระราหู(๘)ไล่ไม่ทัน เกิดความกระหาย จึงตรงไปดื่มน้ำอมฤต พระอินทร์(๕) เห็นดังนั้นก็ทรงพิโรธพระราหู(๘) ที่บังอาจมาดื่มน้ำอมฤต และตวาดด้วยเสียงอันดังว่า เหวยๆ ไอ้ราหู มึงไม่ได้อยู่ในน้ำ ไม่ได้อยู่บนดิน เหตุไฉน มาดื่มน้ำอมฤตของกูเล่า
ว่าแล้ว พระอินทร์(๕) ก็ได้ขว้างจักเพชร ต้องพระราหู กายขาดออกเป็นสองท่อน แต่หาตายไม่ ด้วยเหตุว่าได้ดื่มน้ำอมฤตนั้น พระราหูจึงได้หนีไปยังสำนักของตน
เลข ๕ (แทนดาวพฤหัสบดี) และ ๑ (แทนพระอาทิตย์) เป็นคู่มิตรใหญ่ เมื่อมาอยู่ติดกัน กำลังจึงล้นเหลือ และเมื่อ ๑ ไปอยู่ติดกับ ๗ (ดาวพระเสาร์) ได้คู่ธาตุไฟ กำลังมากทวีคูณ แม้กระทั่ง ๕ เองก็ยังได้คู่ธาตุ เลข พ.ศ.ที่มาบรรจุไว้ในเหรียญ จึงทำให้เหรียญมีพลังงาน ดันพระอาทิตย์ หรือพญาครุฑ ให้มีกำลังสูงมากๆ
ประการสุดท้าย ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งเป็นตัวแทนของความเข้มขลัง ครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ ฤาษี โคจรอยู่ที่ ราศี กุมภ์ ซึ่งมี ราหู(๘) เป็นเจ้าเรือน โดยตำนานชาติเวรนั้นราหูถูกสร้างจากผีโขมด แต่เมื่อมีดาวพฤหัสบดีโคจรเข้ามาแล้ว ผีโขมด สิ่งอัปมงคล ก็พลันสลายตายจากไปหมด
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เหรียญบาท พ.ศ.๒๕๑๗ เข้มขลังแม้ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกแต่อย่างใด โดยอาศัยรูปลักษณ์ เลขศาสตร์จากดวงดาว และโหราศาสตร์ สร้างสรรค์ขึ้นมาเรียกรวมๆว่า ได้รับพลังงานจากธรรมชาตินั่นเอง
ผู้เขียนเองก็คิดว่า ผู้สร้างเหรียญปีนี้คงไม่ได้จงใจจะให้เป็นของขลังหรอกครับแต่ว่ามันถูกต้องตามหลักการหมดเลย นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากเลยทีเดียว จึงนำมาเขียนให้อ่านกันใครกลัวผี ก็พกไว้ได้เลย แก้อาถรรพ์ ขับไล่ภูตผีปีศาจ นอนไม่ถูกอำ ด้วยฤทธิ์แห่งพญาครุฑ
เรียบเรียง / ขอขอบคุณ : โหราปุญ บุญอสุราฤทธิ์,เรื่องสยองของคนเห็นผี