คิดจะเลี้ยงลูกแบบนี้ มีแต่คนหาว่าชั้น “ประหลาด”
ยากได้ความเห็นหลาย ๆ ท่าน ว่าเราคิดจะเลี้ยงลูกแบบนี้ ถือว่าประหลาดมั้ย
ตอนนี้เรากะลังท้อง คลอดประมาณต้นปี ซึ่งแนวการเลี้ยงเราคิดมานานแล้ว
ตั้งแต่ยังไม่มีลูก ว่าถ้ามีจะเลี้ยงแบบไหน ต้องการให้เค้าเป็นคนเช่นไร
จขกท.[จขกท. ย่อมาจากคำว่า เจ้าของกระทู้ (คือ คนที่ตั้งกระทู้)] อายุ 37 ละ ผ่านโลกมาพอสมควร ชีวิตส่วนตัว ถือว่าตนเองประสบความสำเร็จในชีวิตละประสบความสำเร็จในด้านของความสุขในชีวิตนะคะ ไม่ใช่วัตถุ
ซึ่งชีวิตวัยเด็ก ลำบาก อดทน กว่าจะได้อะไรแต่ละอย่าง เลือดตาแทบกระเด็น สิบปีก่อน เคยคิดว่า ถ้ามีลูกจะให้เค้าในสิ่งที่เราเคยขาด ไม่ให้เค้าต้องลำบากเหมือนเรา แต่ ณ วันนี้ มีความสุขในชีวิตแล้ว เข้าใจถึงการเกิดมา ความคิดการเลี้ยงลูกก็เปลี่ยนไป
ปัจจุบัน จขกท. จบ ป.ตรี มีงานที่มั่นคง เงินเดือนรวมกับแฟนก็ประมาณ 6 หมื่น (ไม่เยอะ แต่ก้ไม่เดือนร้อน)
แต่ ไม่มีรถ เพราะไม่อยากซื้อ ใช้มอไซค์ก็สะดวกดี และไม่มีบ้าน เพราะตั้งใจเก็บเงิน อยากได้บ้านที่มีเนื้อที่ (อีกเมื่อไหร่ไม่รู้ ฮา) แต่ เรา 2 คน มีบ้านของพ่อแม่อยู่แล้วนะคะ แต่ไม่มีเป็นของตนเอง
เอาละมาเรื่องการเลี้ยงลูกเลยนะ
1. ตั้งใจว่า 4 ขวบเป็นต้นไป จะให้เริ่มทำงานบ้าน จากเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ เริ่มต้นจาก กรอกน้ำ หุงข้าว กวาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ ประมาณนี้ ค่อย ๆ สอนไปจนโต
–คนใกล้ตัว ไม่จำเป็นต้องสอนหรอก โตมาก็ทำเป็นเอง
— เรา : ต้องการฝึกความรับผิดชอบและหน้าที่ให้เค้าติดตัวตั้งแต่เด็ก ๆ
2. ตั้งใจให้เข้าเรียน ตั้งแต่ 4 ขวบเป็นต้นไป และ…. ให้เรียนโรงเรียนวัด เท่านั้น แต่เป็นโรงเรียนที่เราโตมาและใกล้บ้าน
—คนใกล้ตัว บ้ารึป่าว สติดีปะเนี่ย แทนที่จะให้ลูกเรียน โรงเรียนเอกชน อย่างน้อยก็ 2 ภาษา เป็นฐานแต่เด็ก ๆ
— เรา : ต้องการให้ลูกได้ใช้ชีวิต เริ่มต้นแบบธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดา ให้เค้าได้อยู่ได้ทำอะไรด้วยตนเองให้มากที่สุด
ซึ่ง รร.เอกชนส่วนใหญ่จะ สปอยด์เด็ก แต่โรงเรียนวัด หรือรัฐจะไม่มีส่วนนี้ และที่สำคัญ เราต้องการสอนพื้นฐานการเรียนให้ลูกเอง และที่สำคัญกว่า เราไม่เห็นด้วยกับการให้เด็ก 2.5 ขวบ หลุดพ้นวัยเด็กเร็วเกินไป เราต้องการให้เค้าใช้ชีวิตที่เป็นเด็ก จริง ๆ เล่นดิน เล่นทราย ให้เค้ามีจินตนาการ และอยากให้เค้าดึงพรสวรรค์และความสามารถตัวเองออกมา
และอีกสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยคือ การให้ลูกเรียน 2 ภาษานั้น สำหรับเราคือ ถ้าจะเรียน ก็ส่ง รร.อินเตอร์ไปเลย ถ้าส่งเรียนเอกชน แล้วเรียนไทยด้วย อังกฤษด้วยแบบท่องจำ โดยที่ผู้ปกครอง ก็ไม่ได้มีส่วนอะไรมากนัก เช่น กลับมาบ้านก็พูดไทย ไม่ได้ฝึกฝนอะไร
นอกจากรู้ว่า ต้องเรียน ABC ด้วย ถ้าเรียนได้แค่นี้ เราไม่เอา เราตั้งใจ ส่งเรียนคอร์สภาษา ตอนโตมาหน่อย เราว่าก็ไม่สาย
3.เราตั้งใจว่า ถ้าลูกมีพรสวรรค์ ด้านใด จะดันให้เค้าเก่งด้านนั้นไปเลย เช่น เก่งฟุตบอล ก็จะดันไปเรียนทางกีฬา หรือ ชอบคณิตศาตร์ ก็ส่งเรียนไปทางนั้น หรือชอบศิลปะ ก็ส่งเรียนให้มันสุด ๆ ไปเลย ให้มันได้ทำสิ่งที่รักออกมาดีที่สุด
โดยใบปริญญาจากลูก ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราต้องการให้เค้า ประสบความสำเร็จในชีวิต ที่สามารถดูแลตนเองได้ ด้วยวิธีการใดก็ได้
—คนใกล้ตัว บ้าไปแล้วความคิดแบบนี้ แทนที่จะส่งลูกเรียนหมอ วิศวะ จะได้ทำงานดี ๆ มีหน้ามีตา
— เรา : คนที่จบปริญญา ไม่ประสบความสำเร็จเยอะแยกมากทุกวันนี้ เพราะทุกคนเรียนไปตามพ่อแม่
ไม่ได้เรียนเพราะใจรัก หรือบางคน จนแก่แล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองถนัดอะไรกันแน่
เอาแค่ 3 ข้อนี้ละ เท่าที่คุยกับพ่อแม่หลาย ๆคน เค้าหาว่าเราประหลาด มีลูกแทนที่จะให้เรียนที่ดี ๆ ส่งเรียนสูง ๆจะได้ไม่อายใคร
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวเราความสุขในชีวิตทุกวันนี้ที่เราควบคุมมันได้ เราคิดแล้วว่า
ลูกเราต้องมีภูมิคุ้มกันชีวิต ยามผิดหวังเสียใจ เค้าต้องประคองตัวได้ ยามเราไม่อยู่แล้ว หรือยามโตไปใช้ชีวิต ด้วยตนเอง เค้าต้องดูแลตนเองได้ และไม่เป็นภาระผู้อื่น รวมทั้งดูแลผู้อื่นที่ตนเองรักได้ด้วยตามกำลัง
เราไม่แคร์ ถ้าลูกเราจะไม่เด่น ไม่ดัง ไม่จบสูง ไม่ได้ทำงานดี ๆ แต่เราจะเสียใจ ถ้าลูกไม่ได้ตามฝันของตัวเอง และต้องทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ
เราคิดแบบนี้ หลาย ๆ ท่านว่าเราประหลาดมั้ย????
ขอบคุณที่มา : pantip ครอบครัว, การเลี้ยงลูก สมาชิกหมายเลข 2002741