๑. ต้องพึงระวังตนเองอย่าได้สร้างกรรมชั่วคือการละเมิดศีล ๕ ให้ดีที่สุด หมั่นทำบุญกุศล ถวายแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทะเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระอริยสงฆ์
อุทิศบุญไปให้ผู้มีพระคุณทั้งปวง ครูบาอาจารย์ท่านเจ้าของบทสวด พระคาถาถ้าไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้แต่งบทสวดหรือคาถานั้น ให้ระบุชื่อบทสวดและคาถานั้นรวมถึงเจ้ากรรมนายเวรเพื่อขออโหสิกรรม
๒. ถ้าจะใช้บทสวดใด ทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มสวดต้องทำการเชื่อมบุญโดยการอุทิศบุญที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ ชาติปัจจุบันและบุญที่จะตั้งใจทำต่อไปในอนาคต
อุทิศเจาะจงท่านผู้เป็นเจ้าของบทสวดหรือคาถานั้นเอาเท่าที่ท่านรู้ เช่น คาถาเสริมทรัพย์ของหลวงพ่อปานก็ต้องเจาะจงอุทิศไปให้ท่านด้วย
๓.เลือกบทสวดมนต์ให้เหมาะสมกับตนเอง หากต้องการให้ประสบความสำเร็จทางใดก็เลือกบทสวดนั้นและที่สำคัญต้องสวดให้ถูกต้องแบบไม่ตกหล่น ไม่ข้ามวรรคข้ามขั้นตอน
ถ้ามีการระบุว่าให้สวดกี่จบก็ควรสวดไปตามนั้นระวังอย่าให้น้อยจบเกินไป แต่หากจะสวดให้เกินกว่าที่กำหนดนั้นสามารถทำได้ ยิ่งมากก็ยิ่งดี
๔.เมื่อสวดมนต์เสร็จทุกครั้งให้นั่งสมาธิต่อตามที่ต้องการเมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพร ขอบารมีและผลานุภาพและอานิสงส์บุญที่ได้สวดมนต์นี้ ให้ได้ตามที่เราปรารถนา
ขอในเรื่องที่ถูกต้องและเจาะจงเพียงอย่างเดียว อย่าอธิษฐานแบบครอบจักรวาล เพราะการระบุแบบเจาะจงจะทำให้เกิดผลตรงกับจุดมุ่งหมายมากที่สุด
๕.แผ่เมตตาให้กับตัวเองก่อน ถึงจะแผ่เมตตาให้ผู้อื่น และกรวดน้ำตามลำดับ
ข้อพึงระวังที่สำคัญมากๆ ก็คือคาถาต่างๆ ของครูบาอาจารย์ทั้งหมดล้วนเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ อย่าลบหลู่ดูหมิ่นโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากสวดไม่ได้ผลแล้ว ยังเป็นการปรามาสท่านเหล่านั้นผู้เป็นพระอริยบุคคล จะเป็นการสร้างกรรมหนักใส่ตัวเองโดยไม่รู้ตัวและยากที่จะเจริญได้
ถ้าตัวเรายังไม่เชื่อหรือยังไม่ศรัทธาขอให้ข้ามบทสวดนั้นไปอย่าไปคิด อย่าไปอ่านเข้าเพราะจะเป็นการสร้างกรรมทางใจขึ้น และอย่าสวดมนต์แบบล้อเลียน แกล้งเปลี่ยนคำเปลี่ยนทำนอง หรือเปลี่ยนน้ำหนักเสียงให้ดูตลกขบขันโดยเด็ดขาด