ไม่ต้องไปนั่งเกร็ง อาจจะต้องนั่งสมาธิเคร่งนี่ มันไม่มีความจำเป็น วันทั้งวันนะไม่เคย ตอนหัวค่ำไม่ต้องนั่งก็ได้ สมาธินอนก็ได้ ถ้าร่างกายมันนั่งไม่ไหว
ก็นอนภาวนาก็ได้ พิจารณาก็ได้ พิจารณาเป็นอารมณ์คิด คิดถึงความเป็นจริงว่า การเกิดเป็นมนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มีความเหนื่อยยาก
ทรัพย์สินต่างๆที่พึงเกิดมาก็สั่งสม บางคนเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ตายแล้วก็ไม่มีใครแบกทรัพย์สินไปได้ไหม เราก็เช่นเดียวกัน ตายแล้วก็แบกอะไรไปไม่ได้ แต่ว่ามีชีวิตอยู่ต้องทำมาหากิน
เพราะร่างกายมันต้องกิน ในเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ก็ขอเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ไม่ต้องการเป็นมนุษย์ต่อไป
และเราก็ไม่ต้องการเป็นเทวดาหรือพรหม เทวดากับพรหมมีความสุขก็จริง แต่หมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องกลับลงมาใหม่ เราต้องการอย่างเดียวคือพระนิพพาน
คิดอย่างนี้พอจิตสบายก็เริ่มภาวนา ภาวนาไม่นานก็หลับ ไม่ต้องเอาระยะเวลา ถ้านอนภาวนาหรือพิจารณาอยู่ ถ้าหลับไปถือว่าทรงฌาณในอารมณ์นั้นตลอดคืน ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ ใหญ่มากใช่ไหม นี่ฉลาด
ถ้าฉลาดก็ลงทุนไม่มาก กำไรมาก ลงทุนน้อย แต่ได้กำไรมาก ถ้าโง่ก็ลงทุนมากหน่อย ได้กำไรน้อย อย่างที่นั่งเจริญกรรมฐาน นั่งภาวนา ต้องตั้งเวลาเท่านั้น เป็นเวลาเท่านี้ชั่วโมง มันยังไม่ถึงเวลานั้น จิตมันเคลื่อน อารมณ์เคลื่อน ฟุ้งซ่านก็ฝืนนั่ง ฝืนนั่งอารมณ์ยิ่งกลุ้ม
ก็เลยไม่มีอะไรดี มีจิตเศร้าหมอง ถ้าตายเวลานั้นอาจลงนรกก็ได้ เราต้องทำแค่อารมณ์เป็นสุข ถ้าอารมณ์มันคลายสุข มันเกิดวุ่นวาย เราก็เลิกเสีย เข้าใจไหม
คำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง
จาก : สนทนาที่ยะลา วันพุธที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๓๐