อัศจรรย์จากการสวดมนต์ทุกวัน ทำให้พบเจอเรื่องอัศจรรย์ ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
การสวดมนต์ คือการกล่าวคำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือการสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และมนต์ของพระพุทธเจ้าโดยเมื่อครั้งพุทธกาล ยังไม่ได้มีการสวดมนต์เหมือนทุกวันนี้ แต่เป็นการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จากนั้นเหล่าพระสงฆ์จะแบ่งกลุ่มกันจำพระพุทธวจนะของพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือที่มาของการสวดมนต์ในทุกวันนี้นั่นเอง
สำหรับพุทธศาสนิกชน การสวดมนต์เป็นหน้าที่ที่ถือปฏิบัติสืบกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และถือกันว่าเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เพื่อให้จิตมีสติและตั้งมั่นอยู่กับมนต์ที่สวด เพราะเวลาสวดมนต์ด้วยความตั้งใจ ตาก็ต้องมอง ปากก็ต้องอ่าน หูก็ต้องฟัง เป็นเหตุให้เกิดสมาธิ เกิดความสงบ เกิดปัญญาที่จะนำพาชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นนั่นเอง
สวดมนต์แล้วได้บุญจริงไหม ถ้าพูดถึงเรื่องบุญ หลายคนคิดว่าต้องทำบุญ ทำทาน หรือบริจาคอะไรสักอย่างเท่านั้น ถึงจะได้บุญ แต่แท้ที่จริงแล้วบุญไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำบุญหรือทานมัย (บุญอันเกิดจากการให้ทาน) เพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นจะมีเงินหรือสิ่งของไปทำบุญหรือไม่ ย่อมไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะบุญในพุทธศาสนานั้น จะต้องเป็นการทำเพื่อหวังผลอันจะมีต่อผู้อื่นเท่านั้น ไม่ใช่ทำเพื่อที่ตนจะได้อะไรตอบแทนกลับมา แต่ต้องเป็นการทำโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ทำเอาหน้า ถึงงจะเป็นบุญที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
นอกจากทำทานแล้ว บุญยังเกิดได้จากศีล และภาวนา ซึ่งการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิก็ถือเป็นการภาวนาอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดบุญได้โดยไม่ต้องเสียเงินทองสักบาทเดียว ที่สำคัญยังสามารถสวดได้ทุกที่ สวดที่ไหนก็ได้บุญที่นั่น มีเวลาแค่เล็กน้อยก็สามารถสวดมนต์สร้างบุญได้ โดยไม่ต้องอ้างว่าไม่มีเวลาไปทำบุญ คนที่ชอบอ้างแบบนี้แปลว่าไม่เข้าใจว่าบุญคืออะไร แท้ที่จริงบุญคือการทำความดีที่ทำให้มีความสุข ต้องเข้าใจว่าการทำบุญก็คือการทำความดี เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะการทำดี ทำได้ทุกที่ และทันทีที่ทำความดี นั่นก็คือการทำบุญนั่นเอง
สวดมนต์ยังไงถึงจะได้บุญ บางครั้งการสวดมนต์ก็อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องบุญให้มากนัก ให้สนใจเรื่องสติก่อน คนเราเดี๋ยวนี้อยากได้บุญจนเกิดเหตุ ทั้งที่จริงแล้ว บุญจะเกิดขึ้นก็ต่อ ‘ทำ’ โดยไม่หวังตอบแทน เมื่อไรก็ตามที่สวดมนต์เพราะหวังบุญ ก็ไม่มีทางจะมีบุญได้เลย
เวลาสวดมนต์ ตาก็ต้องมอง ปากก็ต้องอ่าน หูก็ต้องฟัง ทำให้เกิดสมาธิ เกิดความสงบ เกิดปัญญาที่จะนำพาชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อย่าสวดมนต์แบบไม่มีสติ จิตฟุ้งซ่านไปมา ไม่ได้อยู่กับบทสวดใด ๆ เลย ทั้งที่ความจริงแล้ว ถ้าเราสวดอย่างมีสติก็จะทำให้จิตมีคุณภาพมากขึ้น ถ้าเหม่อลอย วอกแวก ก็แปลว่าการสวดมนต์ยังไม่ใช่เหตุให้สติเจริญขึ้น
จริง ๆ แล้วยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องบาป-บุญเลย แค่สวดมนต์ให้ได้สติก่อนน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะถ้าสวดแล้วจิตฟุ้งกระจายก็ให้สวดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีสติ อาศัยการสวดมนต์นี่แหละเป็นเครื่องฝึกสติ เจริญสติ ถ้าสวดแล้วฟุ้ง ก็สวดอีกรอบ สวดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสงบลง มีสติขึ้น ยิ่งสวดนานยิ่งมีความสงบ ความสุขจะค่อย ๆ เบ่งบานมากขึ้น และจิตจะค่อย ๆ สงบลง แล้วจะเห็นเองว่าอาการฟุ้งหายไป กลายเป็นสติที่ตั้งมั่นมากขึ้น
ผลของการสวดมนต์ทุกวัน อย่างที่บอกว่าการสวดมนต์เป็นการสั่งสมบุญอย่างหนึ่ง เพราะในขณะที่สวดมนต์ จิตใจจะปราศจากกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทำให้เกิดบุญนั่นเอง นอกจากจะได้บุญแล้ว ผลลัพธ์ที่ใกล้ตัวที่สุดจากการสวดมนต์ด้วยจิตตั้งมั่น สวดอย่างมีสติจะช่วยคลายความเครียดได้ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะเมื่อจิตจดจ่ออยู่กับบทสวด สมองก็จะไม่คิดเรื่องอื่นใด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย เป็นสมาธิ ไม่วอกแวก ฟุ้งซ่าน สุดท้ายจิตก็จะเกิดความสงบกลายเป็นสมาธิที่มั่นคงนั่นเอง
ขอบคุณที่มา today.line.me