เงินเดือนออกแล้ว อย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์ที่บ้าน คือ ”พ่อแม่”กันบ้างนะ
“การทำบุญกับพ่อแม่ ย่อมได้อานิสงส์ผลบุญ ทันตาในชาติปัจจุบันไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า”
** สมเด็จโต **
“ความกตัญญเป็นเครื่องหมายของคนดี” “บุคคลที่กตัญญูกับพ่อแม่ย่อมไม่มีวันตกต่ำ” ถ้าเงินเดือนออกแล้วอย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์สองท่านที่บ้านคือ”พ่อแม่”กันบ้างนะ “การทำบุญกับพ่อแม่ย่อมได้อานิสงส์ผลบุญทันตาในชาตินี้ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า
วันนี้ก็มีเรื่องมาบอกต่อเพื่อประเทืองปัญญาอีกเช่นเคย เป็นเรื่องที่ได้รับการบอกเล่ามาแล้วทำให้นึกถึงพ่อและแม่ของตัวเองมากๆเลยค่ะ (เหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา )
… กราบคุณย่าเสร็จ คุณทองคำก็หันมาคุยกับอาจารย์ “…อาจารย์กำลังทำอะไรครับ ”
อาจารย์ : “ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่…คุณทองคำ….ผมต้องจ่าย..ค่าแม่ครัวคนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่ายในบ้านและให้แม่อีกเดือนละ ๓๐๐ บาท ตอนนี้ รายได้กับรายจ่ายมันไม่ค่อยสัมพันธ์กันต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง ”
คุณทองคำ : ” เงินเดือนที่ให้แม่ ๓๐๐ นี่ตัดได้นี่ครับ” อาจารย์ (หันหน้ามามองแล้วยิ้ม) : “ทำไมล่ะ?”
คุณทองคำ : “อาหาร ๓ มื้อ อาจารย์ก็จัดให้..เรียบร้อย เสื้อผ้า..อาจารย์ก็ซื้อให้ใหม่ ปีละ ๓ ชุดเรียบร้อย เจ็บป่วย ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ เรียบร้อย เพราะฉะนั้น เงินเดือน ๓๐๐ นี่ ตัดได้ครับ “
อาจารย์ : “ตัดไม่ได้เด็ดขาด “
คุณทองคำ : “ตัดไม่ได้เด็ดขาด….??????”
อาจารย์ : “๓๐๐ บาทนี่ สำคัญที่สุด”
คุณทองคำ : “ สำคัญยังไง? ”
อาจารย์ : “เงิน ๓๐๐ บาทนี่ เป็นเงินสำหรับ เลี้ยงหัวใจแม่…”
คุณทองคำ (ฟังแล้วสะอึกในใจ) : ” โอ…นี่เป็นเงินเลี้ยงหัวใจแม่ เคยได้ยินไหมครับ? ผมนึกว่า ให้อาหาร…เสื้อผ้า.. เจ็บป่วยก็เอาหมอมารักษา น่าจะพอแล้ว ”
อาจารย์ : “อาหารกินแล้วก็ไปส้วม เสื้อผ้าเก่าแล้ว ก็เป็นผ้าขี้ริ้ว หมอรักษา ก็รักษาอาการทางกาย สิ่งต่างๆที่เราจัดให้ทั้งหมดนี้เป็นอาหารกาย แต่ ๓๐๐ บาทนี่ เป็นอาหารเลี้ยงหัวใจแม่ หัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้..เอิบอิ่ม…เบิกบาน…เป็นสุข คุณทองคำ ลองนึกดู คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่ เป็นยังไง?”
คุณทองคำ : “หัวใจมันแฟบ”
อาจารย์ : “หัวใจมันเหี่ยวเฉา …เหมือนดอกไม้ยามเย็น มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน ใครที่เป็นข้าราชการจะรู้ พอเลยวันที่ ๒๕ ไปแล้วนี่ มันเหี่ยว ๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถไม่มีเงินค่าอาหาร ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน
แม่อยู่กับเรา ก็จริง แต่ถ้าแม่ ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว…
พอถึงวันเงินเดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอกไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบานมีความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆ หน้าสดใส สั่งกาแฟยังเสียงดังฟังชัด ทุกสิ้นเดือน
พอเงินเดือนออก ผมเข้าไปกราบแม่ ผมนำเงินมาบูชาพระคุณแม่ ๓๐๐ บาทครับ บอกแม่ว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ ผมนำเงินมาบูชาพระคุณแม่ ๓๐๐ บาทครับ เอาเงิน ๓๐๐ บาทใส่มือแม่ แม่ก็ให้ศีล ให้พร ยกหมอนขึ้น เอาเงินวาง แล้ววางหมอนทับ มีความสุข เดือนละ ๓๐๐ บาทสามสี่เดือน ก็เป็นพันใช่ไหมครับ”
คุณทองคำ : แล้วเงินนี่สำคัญยังไง เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?
อาจารย์ : “ตอนนั้น ผมมีลูก ๒ คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ เมียผมกำลังท้องคนที่ ๓ วันหนึ่ง ผมพาเมียไปโรงพยาบาล
แม่ถามว่า คลอดหรือยัง? ผมตอบว่ายังครับแม่
วันต่อมาแม่ถามอีก คลอดหรือยัง ผมตอบว่าคลอดแล้วครับแม่ , แม่ถามว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย? ผมบอกไปว่าผู้ชายครับ แม่ร้องว่า โอ๊ย…แม่ดีใจจังเลย ได้หลานไว้สืบสกุล
แต่ก่อนทองคำบาทละ ๔๐๐ ผมรีบไปซื้อทองมาให้
วันรุ่งขึ้นเมียผมเขาอุ้มลูกขึ้นมาหาย่า ย่ากอดหลานชาย…สวมสายสร้อยให้เป่าหัวให้เสร็จ พอเด็กคนนี้โต พูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใครซื้อให้ เขาตอบว่า คุณย่าซื้อให้ ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า
เพราะเงิน ๓๐๐ บาทนี่ เสกให้คนตาบอดขลัง ถ้าคุณย่าไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร ?
เห็นไหมครับ ? ไม่ใช่ว่า.. พอโตขึ้น.. มีคนถามว่า.. คนนี้เป็นใคร..บอกว่า … ยายแก่ตาบอดนี่..มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่.. เห็นหรือยังคุณทองคำ เงินเดือนๆ ละ ๓๐๐ บาทนี่ ทำให้คนแก่ตาบอด กลายเป็นเทพเจ้า
วันดีคืนดีนะ คุณทองคำ แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณย่าก็บอกให้มานวดขาให้ แม่ครัวหน้ามุ่ย ทำงานเหนื่อยจะตายยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆหน้าคว่ำ พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบเงินให้ ๓๐ บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ขอบคุณค่ะ
วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ แล้วถามว่าวันนี้นวด…อีกไหมคะ..คุณย่า
เห็นไหมเงินเดือน ๓๐๐ บาท ที่เราให้แม่เรานี่ มันมีฤทธิ์ มีคนมายกมือไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือนๆ ละ ๓๐๐ บาทนี้ แม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร
วันหนึ่ง พระมาเรี่ยไรจะสร้างโบสถ์ ผมนิมนต์พระเข้ามาแล้วชี้มือ บอกมรรคทายกว่า โน่นไปเรี่ยไรกับคุณย่าโน่น มรรคทายกบรรยายว่าจะสร้างโบสถ์กว้างเท่านั้นยาวเท่านี้ สูงเท่าไร สวยงามยังไง ราคาเท่าไร
คุณย่ายกหมอนขึ้น นับเงินมา ๕๐๐ บาท พนมมือ อธิษฐาน ขอให้ศาสนาของพระองค์ยืนยงไปอีก ๕,๐๐๐ ปี นิพพานปัจโยโหตุ ขอทำบุญสร้างโบสถ์ไว้เป็นมิ่งขวัญในพระศาสนา ขอเป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์
ตกลงเงินเดือน ๆละ ๓๐๐ บาทที่เราให้ เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์ นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือ แม่จะได้ทำบุญไหม
พอพระให้พรเสร็จก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ยายแก่บ้านโน้น กำลังเก็บผ้าอยู่หลังบ้าน มรรคทายกตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างโบสถ์ไหม คุณยาย สร้างที่วัดนครนายก นี่หลวงพ่อมาด้วย มาบอกบุญเองเลย
คุณยายตอบมาว่า เดี๋ยวอีกสักครู่ วกกลับมาใหม่ได้ไหมล่ะ ยายไม่มีเงินหรอก ยายอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทัน จะขอเงินเขาทำบุญ – ยายแก่คนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยงแปะๆแมะๆไว้ข้างรั้วบ้าน เอาไว้คอยเก็บผ้า”
อ่านแล้วรู้สึก อย่างไรบ้างค่ะ ฉันนึกถึงเรื่องของตัวเองค่ะ ที่เป็นคนด้อยวาสนา่ ไร้โอกาสจะได้ทำเช่นนี้ให้กับแม่ของตัว เพราะกว่าที่จะมีความสามารถหาเงินได้เอง แม่ก็จากไปไม่คืนกลับมาให้ได้ตอบแทนพระคุณแล้ว
โชคดีที่มีพ่ออยู่เป็นขวัญ ทำให้มีโอกาสได้ทำเช่นนี้ให้กับท่าน
ดีใจและมีความสุขเมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ทำให้กับพ่อ
ขอบคุณผู้ที่นำเรื่องราวมาบอกต่อ และ ขอบคุณเจ้าของข้อคิดสะกิดหัวใจนี้ทั้ง ๒ ท่าน พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ ศรีโยธิน และคุณสมคิด ลวางกูร ขอบคุณค่ะ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ ใน MJ learn