ช่วงนี้ค่าไฟแพงเหลือเกินจ้าแม่จ๋า หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อากาศมันร้อน 40 องศาแล้ว แถมยังต้องอยู่บ้านตลอดทั้งวัน เปิดแค่พัดลมมันก็ไม่ไหวจริงๆ ต้องเปิดแอร์เนี่ยแหละถึงเย็นสบาย ลดอุณหภูมิแต่ควรระมัดระวังไม่ให้เย็นเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายเป็นโรคหวัด หรืออาจเกิดอาการไม่สบายอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัวได้ แล้วก็เปลืองค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีวิธีคุณสามารถลดค่าไฟในการใช้งานแอร์ได้อีกหลายวิธี เช่น ในช่วงอากาศร้อนได้อีกหลายวิธี เช่น
- หลีกเลี่ยงการอยู่ภายนอกในช่วงเวลาที่อากาศร้อนสุด เช่นเวลาเที่ยงคืนถึงเช้าหรือช่วงบ่ายถึงเย็น
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนและช่วยระบายอากาศได้ดี เช่นเสื้อผ้าบางๆ ผ้าฝ้าย หรือผ้าลูกไม้
- ดื่มน้ำเป็นประจำเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย และอย่าลืมอาหารที่มีประโยชน์เช่นผัก ผลไม้ และอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
- ใช้พัดลมหรือพัดลมตั้งพื้นช่วยเพิ่มการไหลของอากาศในห้อง เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานหรือการเคลื่อนไหวมากในช่วงเวลาที่อากาศร้อนสุด
โดยรวมแล้ว ถ้ามีอากาศร้อน และต้องการลดอุณหภูมิในบริเวณที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน แอร์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดอุณหภูมิและความชื้นในอากาศได้ การใช้แอร์จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยลดความร้อนภายในบริเวณที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงานได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการใช้งานและมีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ อีกทั้งควรทำการบำรุงรักษาและทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากที่สุด
รีโมทแอร์เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมการทำงานของแอร์ได้อย่างสะดวกและง่าย เมื่อใช้รีโมทแอร์ คุณสามารถปรับอุณหภูมิหรือความเย็นของแอร์ได้ รวมถึงปรับแต่งโหมดการทำงาน และปรับความเร็วของพัดลมได้ตามต้องการ นอกจากนี้ รีโมทแอร์ยังช่วยประหยัดพลังงานได้ เนื่องจากคุณสามารถปิดหรือเปิดแอร์ในระยะไกลโดยไม่ต้องเดินทางไปยังตัวแอร์เอง
ในการใช้งานรีโมทแอร์ คุณควรทำความเข้าใจกับปุ่มควบคุมต่างๆ ที่มีอยู่บนรีโมท และอ่านคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด นอกจากนี้ คุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในรีโมทอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพที่สุด
1. โหมดอัตโนมัติ (Auto Mode)
อุณหภูมิร้อน ๆ หนาว ๆ คงไม่ดีต่อการพักผ่อน และอยู่อาศัยภายในห้องมากนัก การเลือกใช้ โหมดในรีโมทแอร์ที่ให้ความสะดวกสบาย และง่ายในการเปิดใช้งานแอร์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นโหมดอัตโนมัติ หรือ Auto Mode ซึ่งเป็นโหมดการทำงานที่จะช่วยปรับอุณหภูมิของแอร์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศทั้งภายในห้องและภายนอกห้อง ทำให้อุณหภูมิอยู่ในระดับที่พอดีไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป โดยระหว่างการทำงานของโหมดแอร์อัตโนมัติจะมีการปรับโหมดระหว่าง Dry กับ Cool เพื่อช่วยเพิ่มความสบายระหว่างวันพักผ่อนหรือนั่งทำงาน
2. โหมดทำความเย็น (Cool Mode)
สำหรับใครที่ชอบให้อากาศภายในห้องเย็นสบาย การเลือกใช้โหมดแอร์ Cool Mode จะช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นสบาย ในแบบที่ไม่หนาวจนเกินไป เพราะสามารถปรับอุณหภูมิ และความเร็วของพัดลมได้ตามที่ต้องการ เมื่ออุณหภูมิลดลงในระดับที่ตั้งไว้แอร์จะตัดการทำงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ไม่เพียงแต่จะได้ความเย็นสบายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานให้กับบ้านได้อีกด้วย ในช่วงหน้าร้อนหลายๆ บ้านจึงนิยมในโหมดทำความเย็น หรือ Cool Mode เพื่อช่วยลดอุณหภูมิเพิ่มความเย็นในการพักผ่อนตลอดทั้งวัน หรือขณะทำกิจกรรม
3. โหมดลดความชื้น (Dry Mode)
ปัญหากลิ่นอับ เชื้อรา ที่เกิดขึ้นจากความขึ้นภายในห้อง อาจเป็นเพราะเราเลือกใช้โหมดการทำงานของแอร์ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝน หากสังเกตโหมดในรีโมทแอร์ จะมีอยู่โหมดหนึ่งที่เป็นรูปหยดน้ำ ซึ่งหลาย ๆ คนรู้จักในชื่อ Dry Mode หรือโหมดการทำงานของแอร์ที่ช่วยลดความชื้นของอากาศภายในห้อง และไม่เพียงแต่ความชื้นเท่านั้นเรื่องของกลิ่นอับ เชื้อรา ที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งภายในแอร์ รวมทั้งสภาพแวดล้อมภายนอกโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน โหมดแอร์ลดความชื้นจะเป็นอีกหนึ่งโหมดที่หลาย ๆ บ้านจำเป็นต้องเปิดใช้งาน โดยการทำงานของโหมดลดความชื้นคือ ตัวแผงทำความเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำ จะดูดความชื้น และควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ แล้วระบายออกผ่านท่อน้ำทิ้ง ทำให้ลดความชื้นภายในห้อง อากาศแห้งขึ้น
4. โหมดพัดลม (Fan Mode)
โหมดแอร์พัดลม เป็นโหมดที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก หรือบางครั้งเปิดใช้งานอัตโนมัติหากกดใช้งานบนรีโมทแอร์เป็นโหมดอัตโนมัติ เพราะโหมดพัดลม เป็นโหมดการทำงานที่ให้เพียงแค่ลมจากพัดลมธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการทำงานเช่นเดียวกับโหมดทำความเย็น หรือ Cool Mode ส่วนใหญ่แล้วโหมดแอร์ Fan Mode จะถูกเปิดใช้งานเพื่อช่วยลดหรือไล่กลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ ภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง
5. โหมดประหยัดพลังงาน (Smart Saving Mode)
เปิดแอร์ทั้งวันอย่างไรโดยไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน หากลองสังเกตโหมดแอร์ในรีโมทจะมีอยู่โหมดหนึ่ง คือ โหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งได้รับความนิยมในการเปิดใช้งาน เพราะเหมาะกับการใช้งานแอร์ที่จำเป็นต้องเปิดทิ้งไว้ โดยไม่จำเป็นต้องปิดแม้ในเวลาที่สมาชิกอยู่บ้านไม่มากนัก หรือออกไปทำธุระนอกบ้านไม่นาน โดยระบบการทำงานของโหมดแอร์ประหยัดพลังงานนั้นจะไม่เร่งรีบเท่าโหมดแอร์ทำความเย็น หรือ Cool Mode โดยแอร์จะค่อยๆ ทำงาน ไร้เสียงรบกวน ให้ความเย็นคงที่ และสม่ำเสมอ
การใช้งานแอร์อาจทำให้ค่าไฟของคุณเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟใช้งานสูง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลดค่าไฟในการใช้งานแอร์ได้ด้วยการทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เลือกใช้แอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง: คุณควรเลือกแอร์ที่มีความสามารถในการประหยัดพลังงาน เช่น แอร์ที่มีระบบอัตโนมัติในการปรับอุณหภูมิ และระบบปรับแสงสว่างเพื่อประหยัดพลังงาน
- ปรับอุณหภูมิอย่างถูกต้อง: คุณควรปรับอุณหภูมิของแอร์เพียงพอต่อความต้องการของคุณ เพื่อประหยัดพลังงาน ไม่ควรตั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป
- ใช้โหมดประหยัดพลังงาน: แอร์บางรุ่นมีโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยประหยัดค่าไฟในการใช้งานแอร์ คุณสามารถเลือกใช้โหมดนี้เพื่อลดค่าไฟได้
- ดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอ: คุณควรทำการบำรุงรักษาและทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากที่สุด
- ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน: หากไม่มีคนอยู่ในห้อง
