กระทรวงพาณิชย์ ประกาศขึ้นทะเบียน “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” เป็นสินค้า GI ตัวใหม่ของจ.ยะลา สร้างรายได้แก่ชุมชนฐานรากในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ปีละ 2,800 ล้าน
ทุเรียนสะเด็ดน้ำ” จากพื้นที่สูง เนินลูกฟูกเชิงภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติสุดสายตา หุบเขา สายน้ำ ทะเลสายหมอก โอบล้อมด้วยผืนป่าฮาลาบาลา คือ พื้นที่ปลูกทุเรียนหลากหลายพันธุ์ของ จังหวัดยะลา เป็นแหล่งบ่มเพาะทุเรียนคุณภาพ ปลอดจากสารเคมี และทำให้เนื้อแห้ง เหนียวเนียนนุ่ม รสชาติหวานมัน มีฉายาว่า “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา”
“ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” มีเนื้อแห้ง เนียนละเอียด หลุดออกจากเปลือกง่าย คุณภาพเป็นที่นิยมผู้บริโภค มีความเป็นอัตลักษณ์ทุเรียนประจำถิ่น
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดยะลา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการส่งออกผลไม้ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนเเละมาเลเซีย สร้างความเข้มเเข็งเศรษฐกิจชุมชนไทย กระจายรายได้สู่เกษตรกรรายย่อย เนื่องด้วยรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทำให้ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลามีราคาสูงถึง 190 บาท/กก. สร้างรายได้ให้จังหวัดยะลาได้มากถึง 2,800 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่โดดเด่น หวานมัน เนื้อแห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย มีกลิ่นเฉพาะตัวและเนื้อมีสีเหลืองอ่อนหรือเข้มตามแต่ละสายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ก้านยาว พันธุ์ชะนี พันธุ์พวงมณี พันธุ์มูซังคิง และพันธุ์หนามดำหรือโอฉี่ ปลูกได้ตลอดทั้งปี ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 100 เมตรขึ้นไป ตามไหล่เขา สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ของทุกปี
ผนวกกับความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ที่ร่วมกันพัฒนาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์ จึงทำให้ “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” เป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญของยะลาถัดจาก “กล้วยหินบันนังสตา” ที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้
เรียบเรียง