นิพพานไม่ยากอย่างที่คิด โดย : พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
นิพพานไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ยาก คือว่าในสมัยพระพุทธเจ้าท่านก็เทศน์ไม่ยาก คนจึงไปนิพพานง่าย ความจริงของไม่ยาก แต่คนพูดพยายามพูดให้มันยาก คนรับฟังก็คิดว่าไม่ไหว คิดว่าทำไม่ได้ เลยไม่เอาดีกว่า
คำว่ายากหรือไม่ยาก มันอยู่ที่กำลังใจเหมือนกัน ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อาศัยบารมีทั้งเก่าและใหม่มาประสานกัน ถ้าเก่าเราทำมาดีแล้ว ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่ยาก ถ้ากำลังเก่าไม่ถึงก็ยาก ไช่ไหม
บารมีท่านแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ
บารมีต้น
บารมีกลาง เรียกว่าอุปบารมี
แล้วก็ปรมัตถบารมี บารมีสูงสุด
ถ้ากำลังใจคนอยู่ใน บารมีต้น แนะนำกันได้แค่ ทาน กับ ศีล เเค่นี้เขาพอใจ
ถ้าบารมีกลาง จะแนะนำได้เฉพาะ สมถภาวนา เฉพาะ ฌานโลกีย์ วิปัสสนาญานแนะนำได้น้อยๆ กำลังรับไม่มี แต่ฌานสมาบัติเขาต้องการ
ถ้ากำลังใจถึงขั้น ปรมัตถบารมี เมื่อพูดถึงนิพพานรู้สึกว่าไม่ยาก เป็นขั้นตอนเหมือนกันนะ ถ้ารู้สึกว่าไม่ยาก ชาตินี้ก็ไปได้สิ ได้ไหม ได้ ไปไม่ยาก กลัวไม่ไปอย่างเดียว
คือสมัยพระพุทธเจ้าท่านแนะนำไม่ยาก แต่มาสมัยเราหนังสือเรียนมากเกินไป โดยมากคนที่จะเป็นพระอริยเจ้า เขามีเครื่องวัดอยู่ 10 ข้อ ที่เรียกว่าสังโยชน์ คือคนที่จะเป็น พระโสดาบัน หรือพระสกิทาคามี ละสังโยชน์ ได้ 3 คือ
1.สักกายทิฏฐิ เห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในกาย ร่างกายไม่มีในเรา
2.วิจิกิจฉา ไม่สงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
3.สีลัพพตปรามาส ทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์ การตัดสักกายทิฏฐื ถ้าตัดเบาๆ ก็เป็นพระโสดาบันละเอียดอีกนิดหนึ่งเป็นสกิทาคามี ละเอียดมากเป็นอนาคามี ตัดได้หมดเป็นอรหันต์ เขาตัดตัวเดียวนะ กิเลสน่ะ
“หลวงพ่อครับ ผมเคยอ่านในตำราเขาบอกว่า พระโสดาบันต้องตัดสักกายทิฏฐิขาดเลยเลย”
ตำราที่เราอ่านน่ะมันผิด เพราะว่าคนเขียนตำราให้เราอ่านเขาไม่ได้เป็นพระโสดาบัน สักกายทิฏฐิถ้าตัดขาดเลยนะเป็น พระอรหันต์ ต้องไปดูบาลีอีกตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พระโสดาบันและพระสกิทาคามี เป็นผู้มีสมาธิเล็กน้อย เป็นผู้มีปัญญาน้อย แต่ทรงศีล 5 บริสุทธิ์ เท่านี้เอง แล้วก็อีกตอนหนึ่งท่านตรัสว่า
“พระโสดาบันกับสกิทาคามีเป็นผู้ทรงอธิศีล”
“พระอนาคามีเป็นผู้ทรงอธิจิต”
“พระอรหันต์เป็นผู้ทรงอธิปัญญา”
สองตอนนี่ชัด แล้วก็ไปดูองค์พระโสดาบัน คำว่าองค์ก็หมายความว่าคนที่เป็นพระโสดาบันแล้ว เขาจะทรงปฏิปทาตามนั้น องค์ของ พระโสดาบัน มี 3 คือ
1.เคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
2.มีศีล5บริสุทธิ์จริง และ
3.จิตต้องการนิพพานเป็นอารมณ์ เท่านี้เอง
พระโสดาบันกับพระสกิทาคามีคือชาวบ้านชั้นดี ข้อสำคัญที่สุดคือศีล5บริสุทธิ์ แต่ว่าถ้ามีศีล5บริสุทธิ์ มีความเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จริง แต่ว่าจิตไม่มุ่งพระนิพพานเขาไม่เรียกพระโสดาบัน เขาถือว่าเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณาคมน์
ยังเป็นอนิยตบุคคลอยู่ คือยังไม่แน่ คือจิตจะต้องปักมั่นโดยเฉพาะว่า เราต้องการพระนิพพาน อันนี้ จึงเรียกว่าพระโสดาบันและพระสกิทาคามี นี่ของท่านไม่ยาก คนที่เขียนให้เราอ่านนะสิ ท่านว่าเตลิดเปิดเปิงไปเลย
“ขอถามอีกข้อนะครับ พระโสดาบันแต่งงานได้ไหมครับ”
พระโสดาบันนี่มีทุกอย่างเหมือนชาวบ้านธรรมดา ยังมีการแต่งงาน ยังมีความรักในระหว่างเพศ ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง ยังมีความอยากรวย แต่ว่ามีความรักในระหว่างเพศจริง แต่ไม่ละเมิดศีล 5 คือไม่ละเมิดข้อกาเม ยังอยากรวย ต้องการรวยจริง แต่ไม่ฆ่าใครตาย
“แต่ผมเคยอ่านในหนังสือครับหลวงพ่อ เมียนายพราน กกุฏกมิตร เป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ7ขวบ แต่สามีใช่ให้หยิบธนู เพื่อจะไปฆ่าสัตว์ อย่างนี้แสดงว่าภรรยามีใจยินดีร่วมในกาาฆ่าสัตว์ด้วยหรือเปล่าครับ”
ปัญหานี้ก็เคยมีพระถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านบอกไม่ใช่ ท่านบอกว่าภรรยามีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของสามี สามีบอกให้หยิบหอกมา ก็หยิบให้ หยิบธนูหน้าไม้ เหลนหลาวมาก็หยิบให้ หยิบห่วงมา หยิบแร้วมาก็หยิบให้ แต่ว่าเขาไม่ได้คิดว่าจะให้สามีไปฆ่าสัตว์ เขาทำตามหน้าที่ แต่ใจไม่ได้ยินดีด้วย เมื่อเขาฆ่าสัตว์ตายแล้ว สามีสั่งให้เถือหนัง เป็นชิ้นเป็นตอนเป็นอะไรก็ตามที เขาทำตามคำสั่ง แต่จิตใจเขาไม่ร่วมในการทำบาป
อันนี้เราต้องพูดตามพระพุทธเจ้านะ ใจเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระโสดาบันนี่ไม่มีการทำบาป แต่ในเมื่อสามีสั่งก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ว่าวันไหนถ้าสามีไม่ไปฆ่าสัตว์ แล้วบอกว่า วันนี้แกไม่ไปล่ะ อันนี้ไม่ใช่พระโสดาบันแล้ว เป็นโซดาแล้ว ผสมกับเหล้าได้ทุกอย่าง ไช่ไหม.
น้อมกราบบูชาธรรมด้วยเศียรเกล้า / วัดป่าธรรมคีรี