หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม นามเดิมของท่านชื่อตื้อ ปาลิปัตต์ เป็นบุตรของนายปาและนางปัตต์ ปาลิปัตต์ หลวงปู่ตื้อ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๓๑ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีชวด ณ บ้านข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
พระกรรมฐานศิษย์หลวงปู่มั่น อีกองค์ที่มีอุปนิสัยเดี่ยว อาจหาญ ตรงไปตรงมา ไม่กลัวเกรงอะไร ไม่ติดในโลกธรรม พระสุปฎิปันโน ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ปฎิบัติตรงต่อ องค์มรรคคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิสัย, จิตใจของท่านเป็นคนจริง คนตรง คิดอย่างไรก็จะพูดอย่างนั้น ไม่นิยมปรุงแต่งถ้อยคำวาจาให้ไพเราะรื่นหู
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ “หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม” ได้รับนิมนต์ขึ้นเทศน์ในการจัดอบรมกรรมฐานให้แก่พระและญาติโยม มีผู้สนใจใคร่ธรรมมาเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น
ในวันนั้น หลวงปู่ท่านแสดงธรรมได้อย่างจับใจได้อรรถรส ในเบื้องต้น ท่ามกลาง และปริโยสาน อะไรเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ตลอดจนวิธีดับทุกข์ อะไรที่ควรมั่น อะไรที่ควรปลง ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นตัวกูของกู
ว่ากันว่า หลวงปู่ตื้อได้แสดงธรรมให้สาธุชนที่อยู่ ณ ที่นั้น ตรองตามแล้วเห็นจริงได้ เสมือนหงายสิ่งที่คว่ำ เสมือนจุดประทีปโคมไฟในที่มืด เสมือนชี้ทางให้กับผู้ที่หลงทาง
อุบาสิกาท่านหนึ่งมีความซาบซึ้งดื่มด่ำในธรรมที่หลวงปู่ตื้อแสดงอย่างยิ่ง เมื่อท่านเทศน์จบลง อุบาสิกาท่านนี้ก็คลานคล้อยเข้าไปเบื้องหน้าธรรมาสน์ที่ท่านนั่งแสดงธรรม พนมมือนมัสการกราบเรียนหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่เจ้าคะ อีฉันได้ฟังหลวงปู่เทศนาแล้ว เบากายเบาใจเหลือเกิน อีฉันปล่อยวางได้หมดแล้วเจ้าค่ะ”
“อนุโมทนาด้วยคุณโยม ที่เกิดดวงตาเห็นธรรม”
“อีฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะหลวงปู่”
หลวงปู่ตื้อนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่า
“อีตอแหล !!”
สิ้นคำหลวงปู่ อุบาสิกาท่านนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย ต่อว่า หลวงปู่ตื้อเสียงสั่นว่า “ทำไมท่านจึงมาด่าว่าตนท่ามกลางสาธารณชนเช่นนี้” หลวงปู่ตื้อได้แต่หัวเราะหึๆ ไม่อธิบายโต้ตอบอะไร ขณะที่คนทั้งศาลาหัวเราะกันครืน
เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า อุบาสิกาปล่อยวางอะไรไม่ได้เลย และยังยึดมั่นตัวตนของตนอย่างเหนียวแน่นครบถ้วน ท่านทดสอบกิเลสในจิต แบบไม่ทันตั้งตัว
นี่ละ…คือปฎิปทาโลดโผนโผงผางของหวงปู่ตื้อ