กุฏิ ศาลา วิหาร ก็สมมติขึ้นมา จริง ๆ ไม่ได้มีมาก่อน มีแต่ดินร้างว่างเปล่า และสุดท้ายก็สลายกลายเป็นดิน ไม่มีอะไรเหลือ ไม่ถึง ๑๐๐ ปีทุกคนก็สลายไม่มีเหลือ หาความเป็นตัวเป็นตนไม่ได้เลย ต้องเข้าไปเห็นความจริงและยอมรับความจริงในกายในรูปอันนี้ที่เห็นที่เป็นอยู่ และถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นเสียได้ จึงจะละกายได้
กายของเรานี้จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่ธาตุอาศัย เป็นแค่กายอาศัยชั่วคราว กายที่อาศัยนี้มันก็ไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์และไม่ใช่ตัวตน สุดท้ายก็ดับสลายไปในที่สุด กายของเรานี้ประกอบไปด้วยธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ประชุมกันอยู่ ๔ ธาตุ
ธาตุดิน คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้น้อย ไส้ใหญ่ อาหารใหม่ อาหารเก่า เยื่อในสมอง ประชุมกันอยู่ในร่างกาย
ธาตุน้ำ คือ น้ำเสลด น้ำลาย น้ำดี น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำเหงื่อ น้ำอะไรต่าง ๆ หรือว่าลักษณะที่ชุ่มฉ่ำอยู่ในร่างกายเราทั้งปวง เรียกว่าธาตุน้ำทั้งหมดเลย
ธาตุลม คือ ลมหายใจที่เข้าออกไป ลมที่อยู่ในปอด ลมที่อยู่ในลำไส้ ลมที่อยู่ในช่องว่างของร่างกาย อยู่ในกระเพาะอาหาร ลมที่หมุนเวียนผ่านเข้าผ่านออกในร่างกาย
ธาตุไฟ คือ ไฟที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเรา หล่อเลี้ยงหล่อหลอมร่างกายด้วยความอุ่นตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงปลายผมนั้น ธาตุไฟจึงแทรกอยู่ในกายตลอดทั่วพร้อมไปหมด
ลักษณะของกายเรียกว่ารูปที่อาศัยอยู่ด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ดินที่อยู่ในกายเราเป็นฉันใด ดินที่อยู่นอกกายก็เป็นฉันนั้น เพราะดินในกายนี้อยู่ได้เพราะอาศัยดินนอกกายนั่นเอง การที่เราบริโภคอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ พืชผักผลไม้ต่าง ๆ ล้วนมาจากธาตุดิน พิจารณาให้เห็นว่า เรากินสัตว์ สัตว์นั้นก็หล่อเลี้ยงด้วยพืชผักผลไม้ เราไปกินพืชผักผลไม้ พืชผักผลไม้ก็หล่อเลี้ยงมาจากดิน ดินที่เป็นปุ๋ย พืชผักผลไม้ไปกินปุ๋ย สัตว์ไปกินพืชผัก เราไปกินสัตว์ ฉะนั้นธาตุดินจึงมาหล่อเลี้ยงในร่างกายเรา เมื่อกินไปแล้วขับถ่ายลงสู่พื้นดิน ก็กลายเป็นดิน กลายเป็นปุ๋ยเช่นเดิม มันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างนั้น
ธาตุน้ำก็เช่นกัน ธาตุน้ำก็อาศัยหล่อเลี้ยงมาจากน้ำทั้งปวงที่เราดื่มกินเข้าไป มันแปรสภาพกลายไปเป็นน้ำเหลือง กลายเป็นเลือด กลายเป็นน้ำดี น้ำเสลด น้ำลาย น้ำเหงื่อ เพราะฉะนั้นน้ำในร่างกายของเรากับน้ำที่อยู่ในธรรมชาติ ในลำคลอง ลำห้วย น้ำที่อยู่ในขวดที่เราดื่มกิน สุดท้ายก็ขับถ่ายออกมากลับไปสู่น้ำ ลงไปสู่ดินเหมือนเดิม
ธาตุลมที่เราหายใจเข้าไปในกายและออกไปจากกาย เพียงแค่เข้าผ่านไปฟอกปอดของเราให้เป็นออกซิเจนขึ้นมา เพื่อให้ปอดของเราทำงานเป็นปกติ ลมที่ถ่ายเทธาตุไฟออกไปจากร่างกายและลมที่อยู่ในลำไส้ก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นธาตุลมที่อยู่ในกายของเราและธาตุลมที่อยู่ในอากาศก็เป็นลมชนิดเดียวกัน ธาตุไฟที่อยู่ในร่างกายกับธาตุไฟที่อยู่ข้างนอก ไฟจากแสงอาทิตย์ ไฟจากหลอดไฟ ไฟจากกองไฟต่าง ๆ ทั้งปวงก็เป็นธาตุไฟเดียวกัน
เมื่อพิจารณาจนเห็นตรงนี้แล้ว เราจะรู้เลยว่าไม่มีเราตรงไหนเลย เพราะดินก็ดี น้ำก็ดี ลมก็ดี ไฟก็ดี เป็นธาตุอาศัยชั่วคราว จึงว่ามันเป็นสมมตินั่นเอง สุดท้ายเมื่อเราตายไปจึงไม่มีอะไรให้เหลือเลย ดินก็สลายกลายไปสู่ดิน น้ำก็สลายกลายไปสู่น้ำ อากาศเรียกว่าธาตุลมก็สลายกลายเป็นลม ไฟก็ดับไม่มีเหลือ หาความเป็นตัวเป็นตนของเราไม่มีเลย
ทั้งหมดคือหลักของความจริงที่เราต้องพิจารณาให้เห็น และเราก็จะทำลายความลุ่มหลงในกาย ในรูปนามขันธ์ ๕ ของเรา เพราะที่เราต้องพากันเวียนว่ายตายเกิดก็เนื่องจากความลุ่มหลงในกายนี้ พระโสดาบันท่านพิจารณากายอย่างนี้ แล้วท่านก็ละอุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่นในรูปกายว่าเป็นตัวเป็นตน เห็นว่าเกิดมาแล้วก็สลายไปสู่ความไม่มีเหมือนเดิม สภาพของความเป็นอยู่ก็เป็นทุกข์ และความเป็นทุกข์สุดท้ายนี้ก็หาความเป็นตัวเป็นตนไม่ได้เลย ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ที่สุดก็ต้องสลายสู่ความเป็นอนัตตา
ทุกคนถ้าหากปฏิบัติพิจารณากายอยู่เป็นเนืองนิตย์และเห็นอย่างนี้แจ้งอยู่ในจิต และเข้าใจถึงในจิตของเราว่า รูปของเรานี้เป็นสภาวะสมมติและธาตุเท่านั้นเอง ไม่ได้อยู่ตลอด เหมือนลิเกหรือหนังที่เขาจะร้องว่า “สมมตินามตามท้องเรื่อง ข้าพเจ้ามีนามว่า…” เป็นกษัตริย์ในเมืองโน้น ชื่อนั้นชื่อนี้ เขาก็สมมติให้ฟัง
ตัวเราเองก็เช่นกัน ถูกสมมติให้ชื่อนั้นชื่อนี้ เป็นหญิงเป็นชายขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง เหมือนลิเกที่เล่นจบแล้วก็ไม่มีใครเลย ไม่มีกษัตริย์ ไม่มีเมืองไหนให้เห็นเลย เหมือนเราเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีอะไรให้เห็น ชื่อนางนั้นนางนี้ หญิงคนนั้นชายคนนี้ ไม่มีเหลือเลย
กุฏิ ศาลา วิหาร ก็สมมติขึ้นมา จริง ๆ ไม่ได้มีมาก่อน มีแต่ดินร้างว่างเปล่า และสุดท้ายก็สลายกลายเป็นดิน ไม่มีอะไรเหลือ ไม่ถึง ๑๐๐ ปีทุกคนก็สลายไม่มีเหลือ หาความเป็นตัวเป็นตนไม่ได้เลย ต้องเข้าไปเห็นความจริงและยอมรับความจริงในกายในรูปอันนี้ที่เห็นที่เป็นอยู่ และถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นเสียได้ จึงจะละกายได้
ที่มา : มหาสติปัฏฐาน ๔ ทางลัดดับทุกข์ – พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท
พระพุทธเจ้าทรงแสดงอุบายแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ พระมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ในหมู่บ้านโกลิตคาม ได้ชื่อว่า “โกลิตะ” ตามชื่อของหมู่บ้าน มารดาชื่อโมคคัลลี คนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “โมคคัลลานะ” ตามชื่อของมารดา ท่านเป็นสหายที่รักกันมากับอุปติสสมาณพ (พระสารีบุตร) เที่ยวแสวงหาความสุขความสำราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย… อ่านเพิ่มเติม..
บทสวดมนต์ประจำวันเกิด แบบเต็มและแบบย่อทั้ง 7 วัน ตามกำลังวัน สวดก่อนนอนชีวิตราบรื่น ร่มเย็น เสริมสิริมงคล ประโยชน์ของการสวดมนต์ก็คือทำให้จิตใจเราผ่องใส และจิตใจสงบมากขึ้น ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ พระประจำวันเกิด คือ พระพุทธรูปปางถวายเนตร บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอาทิตย์… อ่านเพิ่มเติม..
อาการท้องผูก ท้องอืด ถึงแม้จะไม่ส่งผลอันตรายมากถึงชีวิตแต่ก็สร้างความอึดอัดไม่สบายท้อง หรืออาจลุกลามกลายเป็นโรคอันตรายในอนาคตได้ และที่สำคัญอาการเหล่านี้มักส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง! ผลไม้หลายชนิดอุดมไปด้วยใยอาหาร ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ผลไม้ 9 ชนิดช่วยขับถ่าย กากใยสูง แก้อาการท้องผูกชนิดไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย 1.มะละกอสุก เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงและหาทานง่าย… อ่านเพิ่มเติม..
เปรต "Preta" หมายถึงผี ตามความเชื่อในหลายศาสนาทั้ง ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ และศาสนาเชน ตามความเชื่อนั้น เปรตเป็นผีได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสกว่าเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มาก โดยต้องทรมานกับความหิวโหยและความเจ็บปวดทางกาย ความเชื่อเรื่องเปรตมีต้นกำเนิดมาจากพิธีกรรมทางศาสนาในประเทศอินเดียตั้งแต่ยุคโบราณ และเริ่มแพร่กระจายสู่สังคมในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก คำว่า "Preta"… อ่านเพิ่มเติม..
เชื่อหรือไม่? ว่าประเทศไทยในอดีตนั้นเคยมี ‘กระทรวงเวทมนตร์’ แต่ใช้ในชื่อว่า ‘กระทรวงแพทยาคม’ หรือบางบันทึกเรียกว่า ‘ศาลกระทรวงแพทยา’ ซึ่งเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับสอบสวนพิจารณาโทษของผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการกระทำทาง ’ไสยศาสตร์’ โดยเฉพาะ เนื่องจากในสมัยนั้น ไม่ว่าชนชั้นใดก็ต่างเชื่อในเรื่องของ ไสยศาสตร์ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูง… อ่านเพิ่มเติม..
ทำไมเด็กถึงติดหมอนเน่า ผ้าห่มเน่า หรือตุ๊กตาเก่าๆ 🧸💕 เคยสังเกตไหมว่าเด็กน้อยมักมีของชิ้นพิเศษที่พวกเขาพกติดตัวไม่ห่าง เช่น ตุ๊กตาหมี หมอน หรือผ้าห่มเก่าๆ ซึ่งเราอาจเรียกมันว่า "หมอนเน่า" "หมีเน่า" แต่สำหรับเด็กแล้ว สิ่งเหล่านี้คือความสบายใจในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา! 😌💫… อ่านเพิ่มเติม..
This website uses cookies.