“พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้” คือกุญแจสู่ความสุขและความก้าวหน้าของชีวิต พอใจในสิ่งที่มีแปลว่าได้เท่าไรก็พอใจ แม้คนอื่นจะได้มากกว่าก็ไม่เป็นทุกข์ อย่างไรก็ตามเมื่อพอใจสิ่งที่ได้มาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่านั่งเฉย ๆ งอมืองอเท้า ตรงกันข้ามเราควรขยันหมั่นเพียรต่อไป
เพราะความสุขที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การมีมาก ๆ หรือบริโภคเยอะ ๆ แต่อยู่ที่การทำงานและการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่โลก
มนุษย์เราไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าให้แก่ตนเองและแก่โลกได้ หากไม่รู้จักพอกับการเที่ยวเล่นหรือปรนเปรอตนเอง ขณะเดียวกันหากมัวแต่หาเงินหาทองไม่รู้จักพอ ก็จะไม่มีเวลาและพลังงานเหลือสำหรับการทำสิ่งดีงามให้แก่ตนเองและแก่โลก ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนว่า จงทำงานให้มาก แต่บริโภคให้น้อย เพื่อเอาส่วนเกินมาเจือจานผู้อื่น เศรษฐีที่เป็นพุทธสาวกในสมัยพุทธกาล ล้วนใช้สอยพอประมาณ ทั้งนี้เพื่อนำเงินที่เหลือไปเอื้อเฟื้อคนยากจน ขณะเดียวกันก็ขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่ใช่เพื่อหาเงินมามาก ๆ แต่เพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวม
นอกจากการช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว เรายังควรมีเวลาสำหรับการฝึกฝนพัฒนาตน เพิ่มพูนความรู้ และทำจิตให้สงบด้วย หากเรามัวแต่เที่ยวเล่นหรือหาเงินหาทองไม่หยุดหย่อน เราจะมีเวลาเหลือสักเท่าไรในการทำสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิต
พอเพียงในการบริโภค ไม่โลภในการแสวงหาทรัพย์ แต่ขยันทำงานและสร้างสรรค์ความดีแก่ส่วนรวม คือเคล็ดลับสู่ความก้าวหน้าของตนเองและของโลก
ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล