“อย่าไป “บ้ากับชีวิต” ให้มาก เพราะมันเป็น “สิ่งสมมุติ” เพราะชีวิตมันไม่มีจริง มันเป็นเพียง.. “การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ”
จงทำหน้าที่ให้ดี โดยไม่มีความทุกข์ ให้สงบ เย็น และ เป็นประโยชน์
เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง เราต้อง…คืนให้ “กลับสู่ธรรมชาติ” ดังเดิม แม้แต่ร่างกายที่เราเฝ้าดูแลก็ตาม”
(พระธรรมคำสอน…ท่านพุทธทาสภิกขุ)
ความจริงแท้ของสิ่งที่เรียกว่า “ชีวิต”
“ชีวิตประกอบด้วยขันธ์ ๕ เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นอีก นอกเหนือจากขันธ์ ๕ ไม่ว่าจะแฝงอยู่ในขันธ์ ๕ หรือ อยู่ต่างหากจากขันธ์ ๕ ที่จะมาเป็นเจ้าของ หรือควบคุมขันธ์ ๕ ให้ชีวิตดำเนินไป
ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องชีวิต เมื่อยกเอาขันธ์ ๕ ขึ้นเป็นตัวตั้งแล้ว ก็เป็นอันครบถ้วนเพียงพอ
ขันธ์ ๕ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปตามกฎแห่ง “ปฏิจจสมุปบาท” คือ มีอยู่ในรูปกระแสแห่งปัจจัยต่างๆ ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยสืบต่อกัน
ไม่มีส่วนใดในกระแสคงที่อยู่ได้ มีแต่การเกิดขึ้นแล้วสลายตัวไป พร้อมกับที่เป็นปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นแล้วสลายตัวต่อๆ ไปอีก
ส่วนต่างๆ สัมพันธ์กัน เนื่องอาศัยกัน เป็นปัจจัยแก่กัน จึงทำให้กระแสหรือกระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเหตุผลสัมพันธ์ และคุมเป็นรูปร่างต่อเนื่องกัน
ในภาวะเช่นนี้ ขันธ์ ๕ หรือ ชีวิตจึงเป็นไปตามกฎแห่ง “ไตรลักษณ์” คือ อยู่ในภาวะแห่ง”อนิจจตา” ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เกิดดับเสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา
“อนัตตตา” ไม่มีส่วนใดที่มีตัวตนแท้จริง และไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัว จะเข้ายึดครองเป็นเจ้าของ บังคับบัญชา ให้เป็นไปตามความปรารถนาของตนจริงจังไม่ได้
“ทุกขตา” ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัวอยู่ทุกขณะ และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความทุกข์ได้เสมอ ในกรณีที่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยความไม่รู้(อวิชชา) และยึดติดถือมั่น
กระบวนการแห่งขันธ์ ๕ หรือชีวิต ซึ่งดำเนินไปพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกขณะ
โดยไม่มีส่วนที่เป็นตัวเป็นตนคงที่อยู่นี้ ย่อมเป็นไปตามกระแสแห่ง เหตุ-ปัจจัย ที่สัมพันธ์แก่กันล้วนๆ ตามวิถีทางแห่งธรรมชาติของมัน”
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( ป. อ. ปยุตฺโต )
ที่มา : จากหนังสือ “พุทธธรรม ฉบับเดิม”