วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็น ที่ผ่านมา พ.ต.ท.นพรัตน์ แก้วใจ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน เข้าตรวจที่วัดควนถบ ม.4 ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งจากกรรมการวัดว่าหญิงสาวอ้างเป็นครู แอบขโมยเงินทำบุญทอดกฐินไป จำนวน 1 แสนบาท
พระสมุหปิยะ ปิยจิตโต อายุ 38 ปี เจ้าอาวาสวัดควนถบเล่าว่า วันนี้ทางวัดควนถบได้จัดให้มีการทอดกฐินประจำปี หลังจากทำพิธีสมโภชกฐินเป็นที่เรียบร้อยทางวัดได้นำเงินกฐินทั้งหมดมานับรวม โดยมีคณะกรรมการวัด และชาวบ้านในพื้นที่ ประมาณ 7 คน ล้อมวงนับเงินภายในศาลาวัด ในขณะที่ทุกคนกำลังนับเงิน ทางพิธีกรได้ประกาศยอดเงินอย่างไม่เป็นทางการจากการทอดกฐินของวัด ประมาณ 9 แสนกว่าบาท หลังพิธีกรประกาศยอดเงิน ก็ได้มีหญิงสาวอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี อ้างว่าเป็นข้าราชการครูโรงเรียนพนางตุง อ.ควนขนุน มาบอกที่คณะกรรมวัดซึ่งกำลังนับเงินกันอยู่ว่าตนได้โอนเงินสมทบทำบุญมาในบัญชี วัดด้วยแล้ว 30,000 บาท
จากนั้นก็เข้าไปร่วมวงนับเงินกฐินจนแล้วเสร็จ เมื่อสอบถามถึงเงิน 30,000 บาทหญิงคนดังกล่าวกลับบอกว่า เดี๋ยวเพื่อนจะส่งใบเสร็จมาให้ แต่ตอนนี้เพื่อนกำลังยุ่ง ๆอยู่ที่วัดเขาอ้อ เพราะทอดกฐินเหมือนกัน
เจ้าอาวาสวัดบอกด้วยว่า สำหรับยอดกฐินของวัด ได้เงินทั้งหมด 893,878 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 797,820 บาท และทางวัดจึงได้มอบหมายให้ นายอนาคต ศรีรักษา และนายสำเริง ปานเอียด คณะกรรมการวัด เป็นผู้นำเงิน จำนวน 797,820 บาท ไปฝากธนาคารกรุงไทยสาขาพัทลุง แต่เมื่อไปถึงธนาคารปรากฎว่า เงินกฐินได้หายไปจำนวน 100,000 บาท เป็นธนบัตรละ 1,000 บาท จำนวน 100 ใบเป็นที่แปลกใจของรองกรรมการวัดทั้ง 2 คน เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นหลังจากตรวจสอบเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาโอนเข้าบัญชี กลับไม่พบยอดเงินจำนวน 30,000 บาท ที่ครูสาวอ้างว่าโอนเข้ามาแล้วแต่อย่างใด ส่วนหญิงสาวคนดังกล่าวก็หายไป เมื่อนำภาพถ่ายมาให้ชาวบ้านในพื้นที่ดู ก็ไม่มีใครรู้จัก
พระสมุหปิยะ ปิยจิตโต ยังบอกอีกว่า เงินที่หายไป หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นครู เป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด โดยหญิงคนดังกล่าวใช้การอ้างว่าโอนเงินมาทำบุญแล้ว 30,000 บาท เพื่อเข้ามาตีสนิทกับกรรมการวัดในการมีส่วนร่วมนับเงินกฐินในครั้งนี้
จากการสันนิฐาน คาดว่าจะแอบดึงเงินออกจากถุงที่บรรจุธนบัตรละ 1,000 บาท ในช่วงที่สลับถุงเงิน เนื่องจากธนบัตรละ 1000 บาท อยู่ในถุงใบใหญ่ ส่วนธนบัตรละ 100 / 50 / 20 ซึ่งมีจำนวนมากกว่า บรรจุในถุงใบเล็ก แต่กรรมการต้องการเอาธนบัตรละ 1,000 บาท ใส่ถุงเล็ก ในช่วงดังกล่าวหญิงสาวที่อ้างเป็นครูรับอาสาเป็นคนสลับเอง
และคนอื่น ๆ เป็นคนในพื้นที่และเป็นคณะกรรมการวัดที่มีส่วนรับผิดชอบเวลาวัดมีกิจกรรมต่าง ๆ และไม่เคยเกิดปัญหา ส่วนหญิงสาวที่อ้างเป็นครู เป็นคนแปลกหน้า แต่ที่ไม่มีใครทัดทานในตอนนั้น เพราะคิดว่าอาจจะเป็นญาติของเจ้าภาพที่จัดทอดกฐิน เพราะหากเป็นคนไม่เกี่ยวข้องก็จะไม่มีใครกล้าเข้ามาร่วมวงนับเงิน
ทางด้านนางสาวิตรี อินทร์แป้น อายุ 38 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนพนางตุง อ.ควนขนุน ซึ่งเป็นเจ้าภาพทอดกฐินในครั้งนี้บอกว่า สาวใหญ่ที่อ้างว่าเป็นครูโรงเรียนพนางตุง ตนไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้า ทั้งๆที่ตนสอนอยู่ด้วย เมื่อถาม เขาบอกว่า สอนอีกโรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนบ้านควนพนางตุง เพิ่งย้ายมา สอนชั้น ป.4 เมื่อไม่นานมานี้ ในความคิดของตน ตนและคนอื่น ๆ สงสัยหญิงสาวคนดังกล่าวเพราะมีพิรุธหลายอย่าง ทั้งยังหายตัวไปหลังเกิดเหตุ
อย่างไรก็ดี หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนขยายผลเพื่อหาตัวหญิงสาวคนดังกล่าว เพื่อนำมาสอบปากคำ หากพบกระทำผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เครดิตแหล่งข้อมูล : ข่าว เมืองลุงโพสต์