สุราษฎร์ธานี ` ผู้ว่าฯสุราษฎร์ หนุนสร้างท่าเรือสำราญเกาะสมุย เปิดประเทศสร้างรายได้ เผยมีความต้องการสูงเข้าเทียบปีละ 100 ลำ ชาวเกาะสมุยเห็นด้วย เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยวเชื่อมสนามบิน
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอสนับสนุนให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ดำเนินการโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) ที่บริเวณแหลมหินคม ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ที่มีการศึกษาความ เหมาะสมและสำรวจออกแบบ เพื่อรองรับเรือท่องเที่ยวในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 มีเรือสำราญ จากยุโรปและสิงคโปร์ เข้าเกาะสมุย จำนวน 48 ลำและเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง กระทั่งปี 2563 มีเรือสำราญขนาดใหญ่เส้นทางยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์ แจ้งเข้าเกาะสมุยเพิ่มขึ้นเป็น 64 ลำ มีความจุลำละ 2,000-6,000 คน แต่เข้ามาได้ส่วนหนึ่งเป็นช่วงเกิดระบาดโควิด-19 ต้องหยุดไป คาดว่า หลังสถานการณ์โควิดการท่องเที่ยวเรือสำราญ จะกลับมาเดินทางอีกแน่นอน
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า เกาะสมุยเป็นจุดสำคัญในเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยว ของประเทศไทย และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยมีเรือ สำราญต้องการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุยปีละ 100 ลำหรือไม่น้อยกว่า 300,000 คน จะเป็นการสร้างโอกาสเปิดประเทศอีกเส้นทางหนึ่งที่จะ สามารถสร้างรายได้การท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเกาะสมุย ยังไม่มีท่าเรือ เพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ และพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ถือเป็น จุดยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ(Cruise Terminal) เนื่องจากมีร่องน้ำลึกที่เหมาะสมอยู่แล้วและมีแนวกันลมกันคลื่นขนาดใหญ่ สามารถรับเรือเข้าเทียบได้ตลอดปี
ด้านนายเสนีย์ ภูวเศรษฐถาวร รองประธานหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว เกาะสมุย ได้ผลักดันโครงการท่าเรือสำราญตั้งแต่ตนเป็นนายกสมาคมฯ ซึ่งหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีและหอการค้าภาคใต้ ได้ร่วมเสนอในนาม สภาหอการค้าไทย เห็นด้วยที่เกาะสมุยจำเป็นจะต้องมีจุดรองรับเรือ สำราญขนาดใหญ่ และกรมเจ้าท่าได้จัดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็น ประชาชนเกาะสมุยเห็นด้วยว่าบริเวณแหลมหินคม มีความเหมาะสมที่สุด มีระดับน้ำลึกกว่า 20 เมตรและสร้างสะพานยาว 800 เมตรรองรับได้
“เกาะสมุยไม่มีท่าเรือใหญ่ที่ผ่านมาเรือสำราญต้องลอยกลางทะเล ใช้เรือเล็กขนถ่ายนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะเสียเวลา 3-4 ชั่วโมงซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มระดับสูงจากยุโรป อเมริกา และเอเชียต้องการขึ้นมา ท่องเที่ยวบนเกาะ ถ้ามีท่าเรือจะอำนวยความสะดวกได้มากที่สำคัญท่าเรือ สำราญแห่งนี้จะเชื่อมโยงกับสนามบินสมุยได้เต็มรูปแบบมีด่านตรวจคนเข้า เมืองระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวขึ้นเครื่องบินมาท่องเที่ยวพักแรมบน เกาะสมุย รอขึ้นเรือสำราญเดินทางต่อไปต่างประเทศ หรือลงเรือมา ท่องเที่ยว พักบนเกาะกลับทางเครื่องบินได้สะดวกจะเป็นการเพิ่มมูลค่า ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งชาวเกาะสมุยพร้อมสนับสนุนขอ ให้กระทรวงคมนาคมเดินหน้าต่อ”
มีข้อมูลว่า สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้สำรวจข้อมูลไว้ เมื่อปี 2558 ประเทศไทย มีตลาดเรือสำราญจากทั่วโลกเข้าประเทศ 5 แสนคน ทำรายได้ 3,500 ล้านบาทต่อปี และปี 2557 กรมการท่องเที่ยว ระบุว่า ภาคใต้สามารถดึงดูดเงินจากตลาดการท่องเที่ยว ได้มากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยว ทางทะเลเป็นที่นิยมสูง และยังมีการใช้จ่ายในพื้นที่สูงกว่า 5.05 แสน ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปี 2555-2557 อยู่ที่ร้อยละ 30
แต่หากเจาะ จงเฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานี มีเติบโตในช่วง 3 ปี ที่ร้อยละ 32.71 ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย/คน/ทริป 12,132 บาท รองจากกรุงเทพฯอยู่ที่ 12,454 บาท ซึ่งการมีท่าเรือ จะช่วยช่วยตอกย้ำจุดหมายทางทะเลชั้นนำ ของภาคใต้ด้วย
เครดิตแหล่งข้อมูล : สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 กรมประชาสัมพันธ์