พระราหุล พระนามเดิม เจ้าชายราหุล เป็นพระโอรสในเจ้าชายสิทธัตถะ (พระโคตมพุทธเจ้า) กับพระนางยโสธรา ประสูติในวันที่พระบิดาออกผนวช
หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ เกิดพระทัยปรารถนาความหลุดพ้น มีพระดำริว่าจะเสด็จออกผนวช เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าพระนางยโสธราพิมพา ทรงให้กำเนิดพระโอรส พระองค์ทรงรักและห่วงลูกยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ จึงเปล่งคำอุทานออกมาว่า “พันธะนัง ชาตัง ราหุลัง ชาตัง” (ห่วงเกิดขึ้นเสียแล้ว) พระกุมารพระองค์นี้จึงมีนามว่า “พระราหุล” หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดพระทัยจากพระมเหสีและพระกุมารเสด็จออกผนวชเพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ในที่สุด
หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จกลับไปโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ ขณะนั้นราหุลกุมารมีพระชนมายุได้ ๗ พรรษา เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์อย่างใกล้ชิด ราหุลกุมารจึงเกิดความรักในพระบิดาเป็นอย่างยิ่ง
พระกุมารทูลขอกรรมสิทธิ์ในพระราชสมบัติจากพระบิดา แต่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาว่า ทรัพย์สมบัติทางโลกนั้นไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน พระองค์จึงพระราชทานสมบัติทางธรรมให้แก่พระราหุล โดยมีรับสั่งให้พระสารีบุตรบวชให้พระกุมารเมื่ออายุ ๗ ปี พระราหุล จึงเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนา ต้องอดอาหารในเวลาวิกาลตั้งแต่เที่ยงจนถึงรุ่งเช้า และตามปกติพระภิกษุสามเณรในสมัยพุทธกาล
แม้จะเป็นถึงโอรสของพระศาสดา แต่ขณะที่ถือเพศบรรพชิตนั้น สามเณรราหุลก็มิได้ถืออภิสิทธิ์ใดๆ ท่านดำรงตนอยู่ในวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิเคยสร้างความลำบากพระทัยใดๆ ให้พระพุทธเจ้าเลย
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่า ภิกษุที่นอนร่วมกุฏิกับอนุปสัมบัน (ผู้ยังมิได้อุปสมบท ได้แก่ คฤหัสถ์และสามเณร) ต้องอาบัติ สามเณรราหุลก็เคารพในข้อบัญญัติดังกล่าว จากเดิมที่เข้า-ออกพระกุฏิของพระพุทธเจ้าและพระสาวกอยู่เป็นนิตย์ แต่เพราะเกรงว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุทำให้พระพุทธเจ้าและพระสาวกต้องอาบัติ สามเณรราหุลจึงเลือกที่จะจำวัดในเวจกุฎี (ส้วม) ของพระพุทธเจ้าตลอดทั้งคืน พระพุทธองค์เสด็จไปพบเข้ากลางดึก จึงนำท่านกลับมาพักที่พระคันธกุฎีของพระองค์
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น พระองค์จึงทรงลดหย่อนผ่อนปรนสิกขาบทข้อที่ว่า ด้วยห้ามภิกษุอยู่ในที่มุงบังเดียวกับอนุปสัมบันเกินหนึ่งคืน ขยายเวลาออกเป็นสามคืน
นอกจากพระราหุลจะปฏิบัติตามกิจของสามเณรอย่างไม่ย่อหย่อนแล้ว ท่านยังมุ่งกำจัดกิเลสด้วยการถือการนั่งเป็นวัตร นั่นคือพระราหุลไม่เอนกายลงนอนเลยเป็นเวลาถึงสิบสองปี ผลจากการถือวัตรปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้ท่านสามารถขัดเกลากิเลสและดำรงตนเป็นผู้สันโดษมักน้อยได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อบวชใหม่ๆทุกๆวัน สามเณรราหุลนั้น ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ กอบทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วกล่าวว่า วันนี้เราพึงได้โอวาทจากพระพุทธเจ้าและพระอุปัชฌาจารย์ทั้งหลายมากเท่าเม็ดทรายนี้ ด้วยเหตุที่พระราหุลเป็นผู้ยินดีในการเรียนรู้และมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมอย่างยิ่ง
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้ฟังมากมายหลายเรื่อง เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านได้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปยังป่าอันธวัน แขวงเมืองไพศาลี แคว้นวัชชี หลังจากได้ฟัง “จูฬราหโลวาทสูตร” เนื้อหาว่าด้วย ขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จากพระพุทธองค์ พระราหุลก็มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะไม่ถือมั่นด้วยอุปทาน บรรลุพระอรหัตผล เมื่อบรรลุอรหันต์แล้ว ท่านเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ท่านเคยขอพระพุทธบิดาแสดงฤทธิ์ให้พระมารดาดูก่อนพระมารดาจะดับขันธ์
พระราหุลเถระ ได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า “เอตทัคคะ”(ผู้เลิศกว่าคนอื่นในด้านใคร่การศึกษา) คือ ชอบการศึกษาหรือขยันหมั่นในการเล่าเรียน
พระราหุล มีสมญานามที่ เพื่อนพรหมจรรย์ด้วยกันเรียกอีกนามหนึ่ง คือ “ราหุลภัททะ” แปลว่า ราหุลผู้ดีงาม หรือราหุลผู้โชคดี ซึ่งพระราหุลเองท่านก็ยอมรับว่า คำพูดนี้เป็นความจริง เพราะท่านนับว่ามีโชคดีถึงสองชั้น โชคชั้นที่หนึ่งได้เป็นโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์ โชคชั้นที่สองได้เป็นโอรสในทางธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่มีรายละเอียดว่า ท่านปรินิพพานอย่างไร ทราบเพียงว่าท่านพระราหุลเถระดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ดาวดึงส์เทวโลก ท่านมีอายุไม่มากนัก เพราะท่านนิพพานก่อนพระพุทธองค์ผู้เป็นพระบิดา ก่อนพระสารีบุตรผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ และก่อนพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นพระกรรมวาจารย์
พระราหุลเถระกล่าวธรรมวาทะไว้ว่า “สัตว์ทั้งหลายเป็นดังคนตาบอด เพราะไม่เห็นโทษในกาม ถูกข่ายคือตัณหาปกคลุมไว้ ถูกหลังคาคือตัณหาปกปิดไว้ ถูกมารผูกไว้ด้วยเครื่องผูกคือความประมาท เหมือนปลาที่ติดอยู่ในลอบ เราถอนกามนั้นขึ้นได้แล้ว ตัดเครื่องผูกของมารได้แล้ว ถอนตัณหาพร้อมทั้งรากขึ้นแล้ว เป็นผู้เยือกเย็นดับแล้ว”
การล้างพิษ (Detox) เป็นกระบวนการที่ช่วยกำจัดสารพิษหรือสิ่งสกปรกที่สะสมในร่างกายออกไป อาหารจัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด อาหารบางประเภทสามารถช่วยในกระบวนการนี้ได้ดี โดยมีคุณสมบัติในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือ 10 อาหารที่ช่วยในการล้างพิษ: 1. มะนาว มะนาวมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย… อ่านเพิ่มเติม..
ข้อเข่า โดยทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายบานพับ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกาย การดูแลข้อเข่าอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันการเสื่อมก่อนวัย และลดปัญหาอาการปวดหรือข้ออักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้ อาหารบำรุงข้อเข่าให้เสื่อมช้าลง ปลา ที่มีโอเมก้า 3 เช่น โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น… อ่านเพิ่มเติม..
• ท่านพระมหาโมคคัลลานะ พระเถระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระโคตมพุทธเจ้า เป็นพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์มาก คู่กับพระสารีบุตร ผู้เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา พระมหาโมคคัลลานะ มีชื่อเดิมว่า "โกลิตะ" เป็นบุตรพราหมณ์ท้ายบ้านผู้หนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกรุงราชคฤห์ โกลิตมาณพ เป็นเพื่อนสนิทกับอุปติสสมาณพ หรือ พระสารีบุตร… อ่านเพิ่มเติม..
พระพุทธเจ้าทรงแสดงอุบายแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ พระมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์ในหมู่บ้านโกลิตคาม ได้ชื่อว่า “โกลิตะ” ตามชื่อของหมู่บ้าน มารดาชื่อโมคคัลลี คนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “โมคคัลลานะ” ตามชื่อของมารดา ท่านเป็นสหายที่รักกันมากับอุปติสสมาณพ (พระสารีบุตร) เที่ยวแสวงหาความสุขความสำราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย… อ่านเพิ่มเติม..
บทสวดมนต์ประจำวันเกิด แบบเต็มและแบบย่อทั้ง 7 วัน ตามกำลังวัน สวดก่อนนอนชีวิตราบรื่น ร่มเย็น เสริมสิริมงคล ประโยชน์ของการสวดมนต์ก็คือทำให้จิตใจเราผ่องใส และจิตใจสงบมากขึ้น ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ พระประจำวันเกิด คือ พระพุทธรูปปางถวายเนตร บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอาทิตย์… อ่านเพิ่มเติม..
อาการท้องผูก ท้องอืด ถึงแม้จะไม่ส่งผลอันตรายมากถึงชีวิตแต่ก็สร้างความอึดอัดไม่สบายท้อง หรืออาจลุกลามกลายเป็นโรคอันตรายในอนาคตได้ และที่สำคัญอาการเหล่านี้มักส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง! ผลไม้หลายชนิดอุดมไปด้วยใยอาหาร ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ผลไม้ 9 ชนิดช่วยขับถ่าย กากใยสูง แก้อาการท้องผูกชนิดไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย 1.มะละกอสุก เป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงและหาทานง่าย… อ่านเพิ่มเติม..
This website uses cookies.