สงขลา – กยท.เตือนชาวสวนยางห้ามปลูก”600 ยอดดำ” กล้าพันธุ์เถื่อนไม่ผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยยาง พบชาวสวนจำใจโค่นยางทิ้งเสียเวลา 14 ปี ย้ำปลูกสายพันธุ์ที่ผ่านการวิจัยเท่านั้น
16 มีนาคม2564 ความเดือดร้อนของชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้มีหลายจังหวัดที่พบว่าได้รับผลกระทบจากการปลูกยางพันธุ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยยางถึงขั้นต้องโค่นยางทิ้งเพื่อปลูกใหม่ เช่นที่ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลาที่คาดว่ามีสวนยางกว่า 200 ไร่ที่กำลังเผชิญปัญหา หลังจากที่ลงทุนปลูกมานาน 7 ปีแต่พอถึงเวลากรีดกลับได้ปริมาณน้ำยางที่ต่ำกว่าปกติ50% ล่าสุดการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจแนะนำและให้ความรู้ชาวสวนยาง
นายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนล่าง เปิดเผยว่า ปัญหาชาวสวนที่นำสายพันธุ์ยางบางสายพันธุ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยยางมาปลูกในพื้นที่แปลงไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือแปลงที่ไม่สามารถขอทุนปลูกแทนได้ ซึ่งพันธุ์ยางที่เกษตรกรนำมาปลูกรู้จักกันดีในชื่อ “600 ยอดดำ”ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ผู้ผลิตพันธุ์ยางผลิตและนำมาส่งเสริมให้ชาวสวนยาง ทั้งที่เป็นพันธุ์ที่ไม่มีการรับรอง, ไม่ผ่านการวิจัย หรือเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ ทำให้มีชาวสวนจำนวนหนึ่งหลงเชื่อว่าเป็นยางพันธุ์ดี แต่ปรากฏว่าหลังจากปลูกนาน7 ปีเพิ่งมารู้ว่าผลผลิตที่ได้นั้นต่ำกว่ามาตรฐานและไม่คุ้มค่ากับการลงทุนจึงต้องตัดสินใจโค่นทิ้งเพื่อปลูกใหม่
ล่าสุด ปัญหานี้เริ่มเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทำให้จำเป็นที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่กยท.เข้าไปเพื่อให้ความรู้เกษตรกรเลือกใช้พันธุ์ยางที่ได้รับการรับรองเท่า่นั้นอย่าหลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ และแนะนาให้เกษตรกรชาวที่กาลังจะปลูกยางใหม่ เลือกสายพันธุ์ที่ได้รับการรับรอง เช่น พันธุ์ RRIM600 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ยางดั้งเดิม, RRIT251, RRIT226, RRIT3802, RRIT3904 และอีกหลายสายพันธุ์ตามคำแนะนำพันธุ์ยางปี 2559
นอกจากนี้เกษตรกรที่จะปลูกยางใหม่ ควรซื้อพันธุ์ยางจากแปลงผลิตพันธุ์ยางที่มีใบอนุญาตขยายพันธุ์ยางเพื่อการค้า จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น
ด้านนายสุชาติ สุดหนู ชาวสวนยางบ้านควนเสม็ด ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา ที่จำใจต้องโค่นยางทิ้งเพื่อปลูกใหม่ กล่าวยอมรับว่า เมื่อ 7 ปีได้ซื้อกล้ายาง600ยอดดำมาจากแปลงขยายพันธุ์ยางเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยความเชื่อที่เจ้าของแปลงบอกว่าเจริญเติบโตเร็ว ใบหนา ทรงต้นสวย และกำลังได้รับความนิยมในช่วงนั้น จึงได้ซื้อมาปลูกพื้นที่ 2 แปลงจำนวน 13 ไร่และ 7 ไร่ แต่ไม่ได้ขอทุนปลูกแทนจากกยท. จนเมื่อถึงเวลาเปิดกรีดในช่วงยางอายุ 7 ปีปรากฏว่าให้ผลผลิตน้ำยางน้อยมาก เปรียบเทียบกันระหว่างสวนยาง 7 ไร่เคยได้น้ำยางประมาณ 80-100กิโลกรัมเหลือเพียง40-50 กก.เท่านั้นซึ่งลดลงเกือบ 50% แต่จากการลงทุนไปแล้วนานกว่า 7 ปีจึงต้องทนกรีดมาร่วม2ปีผลผลิตที่ได้ไม่คุ้มค่าจึงตัดสินใจโค่นยางอายุ 9ปีทิ้งเพื่อปลูกใหม่
“ปลูกยางต้องใช้เวลา 7 ปีกว่าจะได้กรีดแต่ปรากฎว่าได้ผลผลิตน้อยไม่ค้มค่าการลงทุนและค่าเหนื่อยที่ต้องตื่นตี2ทุกวันซึ่งการโค่นปลูกใหม่เท่ากับเสียเวลาทั้งหมด 14 ปีแต่การที่ออกมาให้ข้อมูลครั้งนี้เพื่อไม่ให้ชาวสวนยางต้องมานั่งเสียใจและย้ำให้เลือกพันธุ์ยางที่สถาบันวิจัยยางรับรองเท่านั้น “นายสุชาติ กล่าว
กยท.เตือนชาวสวนยางห้ามปลูก “600ยอดดำ” ไม่ผ่านการรับรอง
