พ่อ-พี่สาว ของ ‘น้องปอ’ สาววัย 19 ปี เหยื่อคดีฆาตกรรมเผานั่งยาง เผยไม่เชื่อว่า คนร้ายจะมีเพียงคนเดียว ทั้งแบกศพ นำยางหลายเส้นไปเผา วอนเจ้าหน้าที่ทำคดีตรงไปตรงมา ส่วน ‘นายแม้ว’ มือฆ่าขอให้ไปกราบขอขมาศพด้วย
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายบรรดิษฐ กุนนะ อายุ 52 ปี พร้อมด้วย น.ส.พิมพ์ชนกพ์ กุนนะ อายุ 39 ปี บิดาและพี่สาวของของ น.ส จุฬารัตน์ กองแก้ว หรือ “น้องปอ” อายุ 19 ปี ที่ถูกนายแม้ว แฟนหนุ่มอายุ 18 ปี นร.ชั้น ม. 6 โรงเรียนในพื้นที่ อ.วังทอง บีบคอจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปเผานั่งยางที่ท้ายไร่มันในพื้นที่ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้มารับเถ้ากระดูกของ น.ส.จุฬารัตน์ ที่นิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน
ภายหลัง นายบรรดิษฐ เปิดเผยว่า ตนและภรรยายังรู้สึกติดใจว่าขั้นตอนการนำศพไปเผานั้น มีการนำยางรถยนต์หลายเส้นไปร่วมเผาจนเหลือเพียงเถ้ากระดูก เชื่อว่าน่าจะมีคนที่ช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 3-4 คน
นายบรรดิษฐ กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวที่อ้างว่าครอบครัวตนไปกดดัน ไม่ให้นายแม้วมารักใคร่กับ “น้องปอ” ลูกสาวนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะนายแม้ว เคยมาหมั้นกับลูกสาวตนเองด้วยทองหนัก 1 บาท แม้จะไม่มีเงินแสนมาหมั้นแต่อย่างใด แต่ครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไร รอให้นายแม้วเรียนจบทำงานหาเงิน รอแต่งงาน 2-3 ปีก็ได้ แม้จะยังไม่มีวี่แววอะไรเลยก็ตาม ก็ยังเห็นว่าลูกสาวกับนายแม้วอยู่ด้วยกันไม่มีเรื่องอะไร รักกันดีอยู่ จึงไม่ทราบว่า นายแม้วไปก่อเหตุทำร้ายลูกสาวจนถึงชีวิตตอนไหน แต่ที่สำคัญหลังก่อเหตุยังกลับมาทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากรู้ว่าเขาใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง จิตใจทำด้วยอะไร ทำไมเลือดเย็นขนาดนี้ อยากให้มาขอขมาศพ แต่ตนและภรรยาคงไม่ให้อภัยอย่างแน่นอน
ด้าน น.ส.พิมพ์ชนกพ์ กล่าวว่า ครอบครัวตนเองต้องมาสูญเสียน้องสาวไป โดยไม่มีรางบอกเหตุมาก่อน ตนเองและครอบครัว ยังติดใจในการนำร่างของน้องสาวไปเผา น่าจะมีหลายคนที่ช่วยกัน อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความเที่ยงตรง และนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนผลการตรวจชันสูตรกระดูกของน้องสาวของตนเองนั้น ทางแพทย์จะส่งผลไปที่บ้านในภายหลัง แต่ก็สามารถนำเถ้ากระดูกไปบำเพ็ญกุศลได้ ซึ่งตั้งใจจะบำเพ็ญกุศลที่บ้านไว้ 3 วันแล้วก็จะฌาปนกิจต่อไป.
‘พ่อสาว19’ลั่นไอ้แม้วเลือดเย็น เผานั่งยางแล้วใช้ชีวิตปกติ