สาธุ แปลว่าดีแล้ว มาจากรากศัพท์ว่า สาธฺ (หรือ สธฺ) ในความหมายว่า สำเร็จ เมื่อเวลาที่เราได้ทำบุญใดๆ แล้วหากมีคนเห็นการกระทำดีของเราแล้วเขากล่าว “สาธุ”
บุญนั้นมีความมหัศจรรย์มากในเรื่องการสร้างบุญ เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ทำบุญเองก็ย่อมได้บุญ ชวนผู้อื่นทำบุญก็ได้บุญ” แม้บางคนจะไม่ได้สละทรัพย์เป็นเจ้าของวัตถุทาน ไม่ได้เป็นผู้ถวายทานด้วยมือ อีกทั้งไม่ได้อยู่ร่วมในการให้ทานกับเขาด้วย แต่มารู้ทีหลังว่าคนอื่นเขาให้ทาน รู้แล้วก็รู้สึกยินดีเลื่อมใสไปกับเขา บุคคลนั้นก็จะพลอยได้รับผลของบุญด้วยอย่างน่าอัศจรรย์
การอนุโมทนาบุญว่า “สาธุ สาธุ สาธุ” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งกับการโมทนาบุญกับการทำทานของผู้อื่นเท่านั้น ถ้าเป็นการโมทนาในการสร้างบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เจ้าหรือพระอริยสงฆ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้วก็จะยิ่งก่อเกิดผลบุญมหาศาล ในพุทธชาดกและพุทธประวัติ เราเห็นเสมอว่าคนที่ทำบุญสร้างบารมีจริงๆ คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระทำเพียงการโมทนาบุญอย่างเดียว กับผู้ที่บำเพ็ญบารมีสูงสุดก็ย่อมได้บุญมากตามไปด้วย
อัตราส่วนบุญที่เกิดจากการโมทนาบุญนั้นเป็นอย่างไร เรื่องนี้เป็นที่สงสัยกันมากว่าการกล่าวโมทนาบุญนั้น จะได้บุญมากน้อยเท่าไหร่ เห็นคนอื่นทำดีแล้วแล้วเราไปขอแบ่งบุญเขามาอย่างนั้นหรือ หรือว่าโมทนาแล้วเป็นการขโมยบุญจากผู้อื่นมาหรือไม่ อานิสงส์ที่จะพึงได้จากการโมทนาบุญนั้นเทียบได้เป็นผลกำไรจากการใช้จิตทำบุญ ไม่ต้องลงทุนเอง ถ้าได้ทำอย่างตั้งใจจริง ด้วยจิตยินดีอย่างเต็มเปี่ยมในคุณงามความดีที่ผู้อื่นทำก็อาจได้บุญมากถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์
ผู้ที่เป็นเจ้าของบุญหรือผู้ที่กระทำบุญนั้นย่อมได้บุญ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ตั้งใจโมทนาบุญก็ได้ไปครั้งละ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ หากมีผู้ที่มาทำบุญผ่านไป ๑๐ คน เราก็ได้บุญประมาณ ๙๐๐ มากกว่าเจ้าของผู้ทำบุญในแต่ละรายเสียอีก เป็นเคล็ดการทำบารมีให้เต็มเร็วมาก
#ถวายเป็นธรรมทาน
