โฆษกศบค.แจงการเดินทางข้ามจังหวัดสามารถทำได้ แต่ขอความร่วมมือให้ลดลง ระบุไม่ใช้การ “ล็อคดาวน์” เพราะแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน จึงต้องกระจายความรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานและจำเป็นต้องเดินทางข้ามพื้นที่ที่มีการแบ่งโซนควบคุมโควิดแตกต่างกันว่า ขณะนี้ยังสามารถเดินทางได้รวมถึงสายการบิน รถประจำทาง รถตู้ขนส่ง
แต่ ณ วันนี้ การสอบสวนโรคมีความสำคัญ ประชาชนต้องรับฟัง พบการติดต่อเรื่องพาหนะขนส่ง และได้พูดคุยในที่ประชุมศบค.เช้านี้ โดยเป็นข้อสรุปของกระทรวงสาธารณสุข โดยพบว่า ผู้ที่ผู้ขับรถประจำทางติดเชื้อ ทำคนที่นั่งในรถตู้ติดเชื้อครึ่งคันรถ ถ้าเกิดขึ้นสายไหน ให้เป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด บวกคมนาคมของจังหวัดนั้นพิจารณา ต่อไปถ้าติดและเข้มขึ้นมาตรงไหน เส้นทางนั้น การนั่งรถแถวนั้นอาจเข้มกว่าประกาศศบค.ได้ แต่จะอ่อนกว่าไม่ได้ รถตู้สายนั้นอาจหยุดเลยก็ได้ นี่คือสิ่งที่ต้องใช้ข้อมูลแต่ละจังหวัดมาพิจารณา และทำให้กระบวนการข้อปฏิบัติต้องเป็นรายจังหวัด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเดินทางเราไม่อยากให้เดินทางกันมาก ให้ลดลงให้ได้ เพราะหลักการติดเชื้อเกิดจากการไปมาหาสู่กัน ไม่เว้นระยะห่าง การนั่งรถผิดหลักข้อเว้นระยะห่าง ดังนั้น ทุกอย่างไม่ถูกต้องในการปฏิบัติตัว การเดินทางต้องไปที่ไหนนานๆห่างกันไม่เกิน 1 เมตร บางทีนั่งชิดกันด้วยบางทีเสี่ยงติดโรคได้ เป็นกิจการ/กิจกรรมที่ต้องควบคุม แต่ไม่ได้ควบคุมแบบตึงตัวเหมือนที่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในครั้งแรก โดยงดการบินเลย อย่างนั้นเราไม่ทำขนาดนั้น
“นี่คือที่เราพยายามขอความร่วมมือก่อน แม้ครั้งนี้เรารู้ว่าต้องใช้ยาแรง แต่อย่างที่บอกการใช้ยาแรงทำให้สูญเสียอย่างอื่นได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเป็นส่ิงที่ต้องประนีประนอมลงไปในมาตรการที่พอเหมาะพอสม”โฆษกศบค.กล่าว
เมื่อถามว่าเหตุผลที่ไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์คืออะไรและมีมาตรการเยียวยาชดเชยเรื่องของการปิดกิจการต่างๆอย่างไร รวมถึงมีแนวทางวางไว้แล้วหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีคำตอบในคำถาม เมื่อไหร่ก็ตามที่ศบค.ประกาศว่าต้องมีการล็อกดาวน์ แน่นอนว่าคำสั่งนี้ทำให้กระทบปัญหาเศรษฐกิจ กระทบต่อการหารายได้ของทุกท่าน ก็ต้องมีมาตรการเยียวยาฉะนั้นการใช้มาตรการต่างๆ มีค่าใช้จ่ายต้องเสีย และเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนลำบากทั้งหมด
ฉะนั้นตอนนี้เราสามารถกระจายความรับผิดชอบ ความร่วมมือกันไปได้ทุกคน ทุกส่วน ที่ต้องการอยากทำมาหากินอยู่ในชีวิตรูปแบบวิถีใหม่ ก็ต้องทำต้องปฏิบัติการติดต่อของโรคขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกมากมาย เราไม่ได้บอกว่าให้งดเที่ยวบินแล้วจะลดโรคติดต่อได้หรือ ปิดเรื่องการขายอาหารแล้วจะลดลงติดต่อได้ก็ไม่ใช่ ฉะนั้นต้องประกอบกันหลายส่วน
ทั้งนี้ภาพของแต่ละจังหวัดแตกต่างกันการใช้ยาแรงอย่างเดียวในการจัดการทั้งประเทศตอนนี้หลักการข้อนี้ลดทอนความสำคัญลง และเราได้บทเรียนครั้งที่แล้วว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดคือประชาชนคนปกติถูกจำกัดบริเวณ เวลาและสถานที่ แต่คนที่ทำผิดกฏหมายก็ยังทำละเมิดกฏหมาย เล่นการพนันมั่วสุม หรือดื่มสุราเหมือนเดิม