“พระพุทธเจ้าตรัสสอนทีฆนขะ ความเห็นในโลกมี ๓ อย่าง บางพวกเห็นว่าสิ่งทั้งหลายไม่คู่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจ บางพวกเห็นว่าสิ่งทั้งหลายคู่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าชอบใจ นี่เป็นโลภะ
บางพวกเห็นว่าบางสิ่งคู่ควร ชอบใจ บางสิ่งไม่คู่ควร ไม่ชอบใจ เป็นทั้งพวกโลภะโทสะ ใครที่อยู่ในกลุ่มแรก ก็จะขัดแย้งกับ ๒ กลุ่ม ใครอยู่ที่กลุ่ม ๒ ก็ขัดแย้งกับกลุ่ม ๑ กลุ่ม ๓ ใครอยู่ที่กลุ่ม ๓ ก็ขัดแย้งกับกลุ่ม ๑ กลุ่ม ๒
พระองค์จึงบอก ผู้มีปัญญาเมื่อเห็นตรงนี้แล้ว เพราะเมื่อเกิดการขัดแย้ง ความเห็นขัดแย้งกันเกิดขึ้น ย่อมเกิดวิวาทะโต้เถียงกันแล้ว เมื่อเกิดวิวาทะโต้เถียงกันย่อมขัดเคือง เมื่อขัดเคืองย่อมผูกอาฆาตพยาบาท เมื่อผูกอาฆาตพยาบาทย่อมก่อเวรซึ่งกันและกัน หมุนไปไม่มีที่สิ้นสุด ผู้มีปัญญาเมื่อเห็นว่า วางความเห็นไว้อย่างนี้เป็นไปเพื่อความเบียดเบียน เพื่อทุกข์ คือก่อเวรนั่นเอง ก็จึงวางความเห็นที่ตัวเองถือไว้ และวางความเห็นอันอื่นด้วย ไม่ถือความเห็นอันอื่นด้วย วางความเห็นที่ตัวเองถือแล้ว ก็ไม่ไปถือความเห็นอื่นด้วย
โลกเขาจะว่าอย่างไร ก็ให้เขาว่าไปอย่างนั้น ไม่ไปขัดแย้งเขา นี่ อาศัยปัญญาเห็นแจ้งไง เข้าใจยังล่ะ เห็นแล้วว่าถ้าเราถือความเห็นอย่างนี้ เป็นไปเพื่อความทุกข์ เพื่อความขัดแย้ง เราจะไปถือทำไม ก็วางความเห็นนี้ซะ แค่นั้นน่ะ ทีฆนขะได้พระโสดาฯ พระสารีบุตรได้พระอรหันต์ ที่ถ้ำสุกรขาตา นี่ให้เข้าใจไว้”
โดย พระอาจารย์วิชัย กัมมสุทโธ
ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา เรื่อง “ตั้งตนไว้ชอบ”
๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒