พระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้สำเร็จเป็น “พระอรหันต์” ในวันมาฆบูชา

8332
views
พระสารีบุตรเถระ พระอัครสาวกเบื้องขวา

“วันมาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ เนื่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา เป็นการแสดงปาติโมกข์ที่ประกอบด้วยองค์ ๔ เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต”

ถ้ำสุกรขาตา

และในวันเดียวกันนี้ก็เป็นวันที่ “พระสารีบุตร” พระอัครสาวกเบื้องขวาผู้เลิศทางด้านปัญญาของพระพุทธเจ้า ได้สำเร็จเป็น “พระอรหันต์” ในขณะที่ท่านกำลังถวายงานพัดให้แก่พระพุทธองค์ ณ ถ้ำสุกรขาตา เชิงเขาคิชกูฏ นครราชคฤห์

“พระสารีบุตร” ผู้เป็น “พระอัครสาวกเบื้องขวา” ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า “เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านสติปัญญา” เมื่อแรกเกิดมีชื่อว่า “อุปติสสะ” ท่านเกิดวันเดียวกันกับสหายของท่านคือ “โกลิตะ” ซึ่งต่อมาคือ “พระมหาโมคคัลลานะ” ผู้เป็น “พระอัครสาวกเบื้องซ้าย” ของพระพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า “เป็นเลิศกว่าพระภิกษุทั้งปวงในด้านผู้มีฤทธิ์มาก”

บรรลุโสดาบันและบวชในพระพุทธศาสนา…”พระอัสสชิ” อันเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์วันหนึ่งท่านถือบาตรและจีวร ไปสู่กรุงราชคฤห์…เพื่อบิณฑบาต “อุปติสสะ” ได้พบพระอัสสชิเถระ ประทับใจในอิริยาบถน่าเลื่อมใส สำรวมดี ของท่านพระอัสสชิเถระ ผู้มีอินทรีย์ฝึกดีแล้ว

 

จึงเกิดความคิดว่า “ท่านผู้นี้จักเป็นพระอรหันต์” จึงได้เดินตามหลังพระอัสสชิเถระและสอบถามพระอัสสชิเถระในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับคำสอนของพระศาสดา พระอัสสชิจึงได้กล่าวคำสอนของพระพุทธองค์ว่า…

“พระพุทธองค์ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง…เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่าธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้”

เมื่ออุปติสสะได้ฟังก็ได้บรรลุโสดาบันหลังจากนั้น…อุปติสสะกราบลาพระอัสสชิเถระ แล้วนำธรรมะที่ได้รับฟังมา ไปบอกเพื่อนสนิทคือโกลิตะ จนได้บรรลุโสดาบัน เช่นเดียวกัน ทั้งสองได้ไปชวนสัญชัยปริพาชก ให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ “สัญชัยปริพาชก” ปฏิเสธทั้งสองจึงได้พาปริพาชก ๒๕๐ คน ไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ หลังจากฟังธรรมครั้งนั้น…ปริพาชก ๒๕๐ คนบรรลุเป็น “พระอรหันต์”…แต่อุปติสสะและโกลิตะ ยังคงบรรลุเพียง “โสดาบัน” เช่นเดิม

ในครั้งนั้น…พระพุทธเจ้าทรงบวชให้แก่คนทั้งหมดด้วยวิธี “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” ภายหลังบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว “อุปติสสะ” จึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า “สารีบุตร” และ “โกลิตะ” จึงมีชื่อใหม่ว่า “โมคคัลลานะ”

“พระสารีบุตร” สำเร็จเป็น “พระอรหันต์” ในขณะที่ท่านกำลังถวายงานพัดให้แก่พระพุทธองค์อยู่นั้นพระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมเกี่ยวกับ “ทิฏฐิและเวทนา” ให้กับทีฆนขปริพาชก…พระสารีบุตรก็ได้ฟังธรรมเหล่านั้นด้วยจึงทำให้…”พระสารีบุตร” ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์…และ…”ทีฆนขปริพาชก” ได้บรรลุโสดาบัน…

พระสารีบุตร

ซึ่งวันนั้นคือ “วันเพ็ญเดือนมาฆะ” หรือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ …ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ให้กับพระอรหันต์ ๑.๒๕๐ รูป (บริวารของพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ๒๕๐ รูปและบริวาลของชฎิล ๓ พี่น้อง ๑.๐๐๐ รูป)

พระสารีบุตรนั้น “นิพพาน”…ก่อนพระพุทธเจ้า…แต่ก่อนที่ท่านจะละสังขารเข้าสู่นิพพาน…ท่านพิจารณาเห็นว่า สมควรที่จะนิพพานในห้องที่ตนเองคลอดจากท้องมารดา เมื่อคิดเช่นนั้นจึงเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระบรมศาสดา แล้วเดินทางไปกับพระจุนทะผู้น้องชายพร้อมด้วยบริวาร

พระสารีบุตรโปรดมารดา

เมื่อไปถึงบ้านเดิมแล้วก็เกิด “ปักขันทิกาพาธ” คือ “โรคท้องร่วง” ขึ้นในคืนนั้น ในเวลาที่ท่านกำลังอาพาธอยู่นั้น…ก็ได้เทศนาโปรด “มารดา” จนได้บรรลุ “พระโสดาบัน” พอเวลาใกล้รุ่งของคืนเพ็ญเดือน ๑๒ ท่านก็ดับขันธ์นิพพาน พระจุนทะผู้น้องชายก็ได้ร่วมกับญาติทำฌาปนกิจสรีระของท่านในวันรุ่งขึ้น…แล้วเก็บอัฐิธาตุนำไปถวายพระบรมศาสดา…ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในเมืองสาวัตถี

พระพุทธองค์โปรดให้ก่อเจดีย์ บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรเถระไว้ ณ พระเชตวันมหาวิหาร…เอวัง…ก็มีด้วยประการละฉะนี้แล…

ข้อมูลโดย Dhammavijjā (ธัมมวิชชา ภิกษุณี)

 
ถมนคร เครื่องถมเมืองนคร