วันนี้ (18 ต.ค.) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประธานองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “เหรียญทอง แน่นหนา” เผยว่า ทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ไล่ออก พญ. จรสดาว ริมพณิชยกิจ หลังได้ร่วมลงชื่อคัดค้านเห็นว่าการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นการใช้ความรุนแรง โดยทาง “หมอเหรียญทอง” ได้ระบุข้อความว่า
“ประกาศ รพ.มงกุฎวัฒนะ เรื่อง ไล่ออก พญ จรสดาว ริมพณิชยกิจ เนื่องจาก รพ.มงกุฎวัฒนะมีนโยบายชัดเจนไม่รับผู้ร่วมงานที่เป็นแนวร่วมขบวนการอริราชศัตรู และด้วยปรากฎว่า พญ. จรสดาว ริมพณิชยกิจ ได้ร่วมลงชื่อคัดค้านโดยเป็น 1 ใน 386 แพทย์ที่เห็นว่าการสลายการชุมนุมอริราชศัตรูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯในคืนวันที่ 16 ต.ค.63 เป็นการใช้ความรุนแรง ทั้งๆที่การสลายการชุมนุมนี้เป็นการสลายการชุมนุมที่มีขั้นตอนเป็นลำดับขั้นอย่างละมุนละม่อมไม่ใช่ความรุนแรง ดังนั้นผมจึงไล่ออก พญ. จรสดาว ริมพณิชยกิจ ในทันทีนับตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.63 เวลา 23.19 น.เป็นต้นไป”
แพทย์ 386 รายชื่อ ออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์วันที่ 16 ต.ค. ชี้ไม่ควรใช้สารเคมีต่อผู้ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ปรากฏภาพการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นเยาวชนและกลุ่มสมทบอื่นๆ เพื่อสลายการชุมนุม ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ นอกจากนี้ยังมีภาพรถพยาบาลที่ไม่สามารถผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อทำการรับส่งผู้ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นตามหลักมนุษยธรรม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ปรากฏภาพการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นเยาวชนและกลุ่มสมทบอื่นๆ เพื่อสลายการชุมนุม ทั้งที่เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ นอกจากนี้ยังมีภาพรถพยาบาลที่ไม่สามารถผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อทำการรับส่งผู้ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นตามหลักมนุษยธรรม
ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ที่มีหน้าที่ต้องทำการรักษาอภิบาลผู้ป่วย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ชนชั้น วรรณะ ทัศนคติทางการเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่อันหลีกเลี่ยงมิได้ตามคำปฏิญาณเมื่อครั้งสำเร็จการศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตร์ รวมถึงต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวและสิทธิผู้ป่วย (Autonomy)
บุคลากรทางการแพทย์ดังรายชื่อแนบท้าย จึงขอร่วมลงนามในแถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของรัฐต่อผู้ชุมนุม เป็นการรับฟังอย่างสันติวิธี และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชายึดหลักสากลในการควบคุมฝูงชน // เพิ่มเติม THE STANDARD