การปล่อยเด็กอยู่กับโทรศัพท์นานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ รวมถึงพัฒนาการทั้งทางร่างกายและอารมณ์
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่คุณพ่อรายหนึ่งออกมาเตือน เนื่องจากเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ และปล่อยให้เล่นตลอดเวลา ติดโทรศัพท์ จึงทำให้ลูกเกิดอาการปากเบี้ยว โดยอาการปากเบี้ยวหรือหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ( Bell’s palsy ) คือภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ
โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของเส้นประสาทบนใบหน้า ส่งผลให้หน้าเบี้ยวครึ่งซีก เป็นผลมาจากเส้นประสาทใบหน้าหรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งอยู่ตรงใบหน้าแต่ละข้างทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้ม ทำหน้าบึ้ง หรือหลับตา รวมทั้งรับรสจากลิ้นและส่งต่อไปยังสมองเกิดการอักเสบส่งผลต่อการรับรส การผลิตน้ำตา และต่อมน้ำลาย ปากเบี้ยวถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง บริเวณใบหน้าครึ่งซีก ทำให้หน้าเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ปากเบี้ยว มีน้ำไหลที่มุมปาก และอาจพูดไม่ชัด การรับรสที่ลิ้นผิดปกติ ปวดศีรษะ หูได้ยินเสียงดังขึ้นข้างเดียว ดื่มน้ำลำบาก
ทั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดการอักเสบของเส้นประสาท ดังกล่าว แต่อาจมีแนวโน้มมาจากการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดภาวะปากเบี้ยว ได้แก่ โรคงูสวัส เป็นต้น ดังนั้นการพักผ่อนน้อย หรือการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ จึงไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อ ใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก
อย่างไรก็ตาม เด็กที่อยู่ ในวัยเจริญเติบโตควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ผู้ป่วยควรพบแพทย์เมื่อมีอาการเพื่อรีบรักษา ซึ่งการรักษา อาการปากเบี้ยว ประกอบด้วยการรักษาด้วยยา
ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม การรักษาทางกายภาพบำบัด เช่น กระตุ้นเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า หรือนวดใบหน้า ช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง และการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม อาการปากเบี้ยวหรือหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ยังไม่มีวิธีการป้องกันที่ชัดเจน เนื่องจากสาเหตุเกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทใบหน้าที่มักจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และรุนแรง ผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักจะหายภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์ถึง