รวบตัวครูสอนดำน้ำที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี แหกกฎจับสัตว์ทะเลถ่ายรูปออกยูทูป ถูกสั่งปรับข้อหาจับสัตว์ทะเลในพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสอนดำน้ำ
กรณีชาวต่างชาติ 2 คนลงดำน้ำบริเวณเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จับสัตว์ทะเลมาเล่น และใช้ไม้เซลฟี่เขี่ยปลาให้ตื่น โดยมีผู้นำมาเผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊กจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์
วันนี้ (1 ก.ย.2563) นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า หลังจากประสานกับฝ่ายปกครอง และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ตอนนี้สามารถจับตัวชาวต่างชาติทั้ง 2 คนได้แล้ว คนแรกชื่อ Mr. Attila Ott เป็นครูสอนดำน้ำ และเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อ Pink Panther Scuba Dive Club ส่วนอีก 1 คนชื่อ Mr. Francesco Simonetti เป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารชื่อ IL Barracuda restaurant & BBQ บนเกาะพะงัน มีเรือ Speed boat และชอบพาลูกค้าร้านอาหารไปดำน้ำ
“ทั้ง 2 สองคนให้ปากคำที่ สภ.เกาะพะงัน สารภาพว่าเป็นผู้บันทึกวิดีโอ บริเวณหาดสลัด เกาะพะงัน เผยแพร่ทางยูทูป ทช.แจ้งความ และดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุถูกกำหนดเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม การจับสัตว์ทะเล จะถูกปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ”
นายโสภณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาตสอนดำน้ำ รวมทั้งใบอนุญาตอื่นๆ ซึ่งจะตัดสิทธิ์การเป็นครูสอนดำน้ำ เพราะถือว่าเป็นการทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งและหารือกับนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ประสานดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกข้อหาหากพบการกระทำความผิดง
เบื้องต้นจากการให้ปากคำเบื้องต้นได้เปรียบเทียบปรับ Mr. Francesco Simonetti ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่แจ้งเปลี่ยนที่อยู่อาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่เข้าพักอาศัย และปรับน.ส.กฤติยาภรณ์ คำสิงห์ ภรรยา Mr. Attila Ott ข้อหาเป็นเจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานหรือผู้จัดการโรงแรมรับคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สั่งการให้ทช. ตรวจสอบข้อเท็จจริง และติดตามชายชาวต่างชาติดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทันที พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนและนักอนุรักษ์ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสจนจับทั้ง 2 คนมาดำเนินคดี