กรณี รถตู้ฉุดสาว ตร.เร่งตรวจสอบวงจรปิดรถโฟลค์บรอนซ์ชนหนุ่มเชิงสะพานไทย-เบลเยี่ยมเหตุกระโดดเกาะรถตามแฟนสาวก่อนชิ่งหนี พบปิดทะเบียนปลอม พุ่งปมชู้สาว
เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุหญิงถูกลักพาตัวขึ้นรถตู้โฟค์สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับหนี โดยมีชายซึ่งเป็นแฟนหญิงดังกล่าวได้กระโดดเกาะหน้ารถตู้ไปด้วย เหตุเกิดบริเวณด้านหลังสวนลุมพินี
ต่อมารถตู้คันดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุเสียหลักชนเสาป้ายบอกทางเชิงสะพานขึ้นสะพานเบลเยี่ยม ถนนพระราม4 ขาออก ทำให้ชายดังกล่าวร่างกระเด็นตกลงมากระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัสขาท่อนบนผิดรูป ส่วนหญิงที่ถูกลักพาตัวได้กระโดดรถตู้ ช่วงแยกไฟแดงวัดช่องลม ก่อนนำตัวชาย-หญิง ส่ง รพ.จุฬา ส่วนรถตู้ผู้ก่อเหตุขับหลบหนีไปได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.ลุมพินี อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และทำการสอบสวนผู้บาดเจ็บ เพื่อสรุปสาเหตุครั้งนี้ต่อไป
กรณีช่วงดึกที่ผ่านมา นายสมเกียรติ นามสมมุติ อายุ 42 ปี แฟนหนุ่มของ น.ส.ณัฐ นามสมมุติ อายุ 35 ปี กระโดดเกาะหน้ารถตู้ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เนื่องจากแฟนสาวตนเองซึ่งเป็นหญิงขายบริการถูกฉุดขึ้นรถไป ก่อนที่คนร้ายจะขับรถตู้ชนเสาป้ายทางขึ้นสะพานไทย-เบลเยี่ยม ฝั่งขาออกแขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จนนายสมเกียรติ ตกจากรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายขับรถหลับหนีไปทางวัดช่องลมถนนพระราม3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.ต.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผบก.น.5 พร้อม พ.ต.อ.สุธีร์ เสน่ห์ลักษณา ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ และฝ่ายสืบสวน ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.ต.สามารถ กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังติดตามเบาะแสของรถยนต์ตู้ยี่ห้อโฟล์คสโลวาเกนที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะ พบว่ามีสีบรอนซ์เทา ใช้แผ่นกระดาษปิดป้ายทะเบียนแท้จริง เมื่อตรวจสอบเลขบนกระดาษแล้วไม่พบว่าได้จดแจ้งกับกรมการขนส่งทางบก สำหรับการไล่ตรวจสอบเส้นทางที่ใช้ พบว่ามีจุดเริ่มต้นจากสวนลุมพินี ที่รับหญิงสาว ก่อนวิ่งไปตามถนนพระราม 4 จนถึงเชิงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ที่นายสมเกียรติ ถูกชน แล้วคนร้ายก็หลบหนีเข้าถนนพระรามสาม โดยอาจเบี่ยงหลบใต้ทางด่วน
พล.ต.ต.สามารถ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้รับรายงานว่านายสมเกียรติ คนเจ็บ ได้เสียชีวิตแล้ว ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนร้าย แต่กำลังเร่งสืบหาตัวอยู่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวตยังไม่แจ้งข้อหาใด แต่เบื้องต้นเข้าข่ายขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายจนผู้อื่นถึงแก่ความตาย และอาจเข้าข่ายหน่วงเหนี่ยวกักขัง เนื่องจาก น.ส.ณัฐ ถูกพันเทประหว่างอยู่ในรถ จึงเชื่อว่าคนร้ายได้เตรียมการมาก่อนส่วนปมการก่อเหตุตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าอาจเป็นประเด็นชู้สาว จากนี้ยังต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างนายสมเกียรติ กับ น.ส.ณัฐ อย่างแน่ชัด