ในบรรดาผักจิ้มน้ำพริก เชื่อเหลือเกินว่าใครหลายคนต้องปลื้มผักกูดเป็นพิเศษ เพราะผักกูดเป็นผักที่ไม่มีรสขมเลย จึงสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู อีกทั้งผักกูดยังเป็นผักที่เรากินได้ทั้งก้าน กินแล้วรู้สึกว่าร่างกายได้รับไฟเบอร์อย่างจัดเต็ม และนอกจากจะมีใยอาหารแล้ว สารอาหารในผักกูดคือดีงามต่อร่างกายจริง ๆ
ผักกูด เป็นพืชในตระกูลเฟิร์น มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Diplazium esculentum เป็นผักพื้นบ้านที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้และที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย แต่ไม่ควรรับประทานแบบสดๆเพราะมีสารออกซาเลตสูง หากรับประทานมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดนิ่วในไตได้ ผักกูดเป็นผักที่มีธาตุเหล็กสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ ใบแมงลัก ผิวมะกรูด ใบกะเพราแดง
6 สรรพคุณของ ผักกูด
ช่วยบํารุงโลหิต
ผักกูด 100 กรัม มีปริมาณธาตุเหล็กถึง 36.3 กรัม ช่วยในการบำรุงเลือด ป้องกันภาวะโลหิตจาง จึงเป็นผักที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และผู้ที่บริจาคเลือดเป็นประจำ
ลดคอเลสเตอรอล
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดจึงทำให้ลดภาวะไขมันในเลือดสูง ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
บํารุงสายตา
ผักกูดอุดมไปด้วยแคโรทีน จึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง เบต้าแคโรทีนเมื่อย่อยสลายแล้วจะได้เป็นวิตามินเอ ซึ่งจะช่วยในการมองเห็นทำให้ดวงตามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
แก้ไข้ตัวร้อน
ช่วยลดไข้ แก้อาการตัวร้อนเป็นไข้ แก้ร้อนใน และดับพิษร้อนในร่างกาย นำใบของผักกูดมาต้มกับน้ำแล้วดื่มบ่อยๆ จะช่วยแก้ไข้ตัวร้อนและบรรเทาอาการร้อนในได้
แก้ท้องผูก
ผักกูดมีกากใยอาหารสูง ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้ช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก จึงช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวาร ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
ผักกูดมีฟอสฟอรัสซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการเหงือกอักเสบ ข้ออักเสบ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะได้ดีมาก
ข้อควรระวังในการกินผักกูด
ผักกูดเป็นผักที่ไม่ควรกินสด เนื่องจากสารออกซาเลตในผักกูดอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคนิ่วและโรคไตอักเสบได้ ดังนั้นปรุงสุกก่อนกินจะดีกว่า