คุณตาวัย 85 ปีมีที่ดินอยู่ 38 ตารางวา บ้าน1 หลัง มีทะเบียนบ้านทั้งเขตทวีวัฒนา กทม. และอ.ศาลายา เช้าตื่นขึ้นมาก็ไปรดน้ำต้นไม้ที่นครปฐม แล้วกลับกรุงเทพฯแบบชิลๆ ถูกแซวแข็งแรงกว่าหนุ่มๆ เดินข้ามจังหวัดวันละเป็นร้อยๆรอบ
เที่ยงวันที่ 28 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเล่าลือกันว่ามีชายชราวัย 85 ปี
แต่ยังแข็งแรงเดินทางไปกลับต่างจังหวัดวันละเป็นร้อยรอบ ด้วยการเดินเท้า เรียกได้ว่าแข็งแรงกว่าวัยรุ่นทั้งประเทศก็ว่าได้ โดยชายชราคนดังกล่าวพักอยู่ที่บ้านเลขที่ 41 หมู่8 หมู่บ้านร่วมเกื้อ แขวงและเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจึงเดินทางไปพิสูจน์
พบนายถวิล หรือ ตาหวิน เปพาด อายุ 85 ปี ดูท่าทางทะมัดทะแมงคล่องแคล่วเกินวัย ออกมาต้อนรับอย่างอารมณ์ดี พร้อมเปิดเผยว่า ที่มีข่าวลือดังกล่าวออกมานั้นก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่จะให้จริงทั้งหมดนั่นคือบ้านที่ตนอยู่นี้มี 2 โฉนด รวมนื้อที่ 38 ตารางวา เป็นบ้านแฝด ชั้นเดียว มีพื้นที่กรุงเทพฯประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่หมู่6 ต.ศาลายา อ.นครชัยศรี นครปฐม อีก30 เปอร์เซ็นต์
นายถวิล เล่าว่า ตัวบ้านส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยห้องนอน ห้องครัว และที่เก็บของอยู่ในกรุงเทพฯ
ส่วนเตียงนอนเล่นของตนและห้องน้ำอยู่ในจังหวัดนครปฐม โดยเสาหลักเขตแบ่งจังหวัดตัดพาดเฉียงบ้านตนเป็นมุมแหลมจากเล็กไปใหญ่ มีเสาหลักเขตปักอยู่หน้าบ้าน ส่วนต้นไม้ที่ตนปลูกไว้อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม
“ทุกวันตนต้องเดินจากกรุงเทพฯ ไปรดน้ำต้นไม้ที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นก็กลับกรุงเทพฯแล้วก็ไปนั่งเล่นนอนเล่นที่เตียงในจ.นครปฐม เดินไปเข้าห้องน้ำที่นครปฐมแล้วกลับกรุงเทพฯเลย ทุกวันนี้ตีสองตีสามก็ยังลุกเดินไปเข้าห้องน้ำที่นครปฐมอยู่เลย”ตาหวิน เล่าอย่างอารมณ์ดี
พ่อเฒ่า กล่าวอีกว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้มาเกือบ40 ปีแล้ว ตอนโอนบ้านต้องไปโอน2 จังหวัด แรกๆก็งง แต่ตอนนี้ชินแล้ว ช่วงนั้นน้ำประปาที่นครปฐมขุ่น หยุดไหลบ่อยมากและไฟฟ้าก็ดับบ่อยเช่นกันทั้งๆที่อยู่บ้านติดกับตน แต่ตนใช้น้ำประปาและไฟฟ้าของกรุงเทพฯจึงไม่ค่อยมีปัญหา บ้านที่อยู่ติดกันถึงกับเอ่ยปากว่า อยากเป็นคนกรุงเทพฯจริงๆเลย
ส่วนคดีความต่างๆ หากเกิดเหตุคนร้ายเข้าบ้าน ถ้าคนร้ายเข้ามาทางด้านหน้าบ้านปกติ คดีจะเป็นของสน.ธรรมศาลา แต่ถ้าคนร้ายเข้ามาทางห้องน้ำคดีจะเป็นของสภ.ศาลายา
นอกจากนี้ มีเรื่องฮาอีกเรื่อง คือ ถนนในหมู่บ้านจะเป็นเส้นทางลัดทะลุจากถนนพุทธมณฑลสาย4ไปถึงถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ซึ่งเป็นถนนหลวง ระยะทางประมาณ 2-3 ก.ม.ช่วงราว2ปีที่ผ่านมามีการปรับขยายและยกพื้นถนนให้สูงขึ้น โดยกรุงเทพฯเริ่มทำถนนก่อน นครปฐมทำตามทีหลัง แต่กลับเสร็จก่อน เมื่อกรุงเทพฯทำมาเชื่อมกับนครปฐมตรงหน้าบ้านตน ปรากฏว่าถนนของนครปฐมเตี้ยกว่ากรุงเทพฯถึง 40 ซ.ม.บ้านตนเหมือนอยู่ในเหวเลย ต้องมีการรื้อและทำใหม่เพื่อให้เชื่อมกันได้พอดี เพิ่งเสร็จไปไม่นานนี้เอง ซึ่งแก่อนทำถนนตนเดินข้ามถนนไปดื่มกาแฟรถเข็นที่ตั้งอยู่ติดหลักเขตกรุงเทพฯฝั่งนครปฐมทุกวัน แล้วก็กลับบ้านที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากทำถนนเสร็จรถวิ่งเร็วขึ้น ไม่กล้าเดินข้ามถนนบ่อยๆ
“ก็ยังงงอยู่ว่า จริงๆแล้วการแบ่งเขตจังหวัดต้องแบ่งด้วยคลองหรือไม่ก็ถนน แต่นี่เล่นแบ่งเอาเกือบกลางบ้าน ทำให้ต้องกลายเป็นชายชราที่เดินเท้าไปกลับต่างจังหวัดบ่อยที่สุดไปเลย”
ด้านนายสุรศักดิ์ ศานมารค อายุ 82 ปี อยู่บ้านเลขที่66 หมู่8 ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านของตาหวิน ก็มีบ้าน2 จังหวัดเช่นกัน กล่าวว่า มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี2532 บ้านตนก็มี2 โฉนดเช่นกัน เท่าที่รู้ก็มีแค่บ้านตนกับบ้านตาหวินนี่แหละที่พิลึกพิลั่น บ้านตนมีพื้นที่ 36 ตารางวา เป็นพี้นที่จ.นครปฐม11 ตารางวา พื้นที่กรุงเทพฯ 25 ตารางวา ถัดจากบ้านตนไปก็เป็นพื้นที่ของกรุงเทพฯทั้งหมด
แต่ด้วยผังบ้านของหมู่บ้านนี้ สร้างให้ห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน ฉะนั้นห้องน้ำจึงไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมทันที ตนก็เป็นชายชราอีกคนที่เดินเท้าไปกลับต่างจังหวัดวันละเป็นร้อยรอบด้วยเช่นกัน
ส่วนด้าน ด.ต.ดวงมณี ตั้งใจ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สน.ธรรมศาลา ในฐานะหน่วยจู่โจม กล่าวว่า ช่วงแรกๆหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่สร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่สายตรวจเป็นอย่างมาก
หลายครั้งที่มีการแจ้งเหตุ เมื่อสายตรวจไปตรวจสอบกลับพบว่าเป็นพื้นที่ของสภ.พุทธมณฑล
ซึ่งคนแจ้งความเองยังสับสน ก็ต้องแจ้งเจ้าของพื้นที่ให้ทราบ
“ถ้าวัดจากถนนเลียบคลองทวีวัฒนาเข้าไปเกือบจะถึงเสาหลักแบ่งเขต จะต้องผ่านคลองเนินทราย
ถ้าการแบ่งเขตตอนแรกแบ่งด้วยคลองนี้ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว ซึ่งในพื้นที่สน.ธรรมศาลา ซึ่งเป็นรอยต่อกับจ.นครปฐม มีการแบ่งเขตพื้นที่รับผิดชอบแบบงงๆ ประมาณ3หมู่บ้าน โดยป้อมรปภ.ของหมู่บ้านเป็นของสน.ธรรมศาลา แต่ตัวบ้านทั้งหมดเป็นของพื้นที่สภ.พุทธมณฑล หากรปภ.ทะเลาะกันก็เป็นคดีของสน.ธรรมศาลา หากในหมู่บ้านเกิดเหตุอาชญากรรมก็จะเป็นความรับผิดชอบของสภ.พุทธมณฑล เบื้องต้นในข้อกฎหมายระบุเหตุการณ์แบบนี้ไว้ว่า ในพื้นที่ๆไม่มีความชัดเจน ให้ทำ3 จ. ถ้าตำรวจเจอคนร้ายกำลังเข้าบ้านในเขตรอยต่อให้จับและให้เจ้าของบ้านมาแจ้งความในพื้นที่ๆตำรวจจับคนร้ายได้เลย”