หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เล่าถึงเรื่อง “การสวดมนต์ไหว้พระ” ให้พระเณรฟังว่า การสวดมนต์ไหว้พระนั้นถึงแม้ว่าเราจะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงก็ตาม พวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขามีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาก็จะได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์ไหว้พระด้วยพระสูตรต่างๆ เมื่อเขาได้ยิน เขาก็จะเกิดความปีติยินดีในการสวดมนต์ไหว้พระกับเรา เขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย ถ้าจิตเราสงบลงไปบ้างสักเล็กน้อย เราก็จะได้ยินเสียงที่เขามาอนุโมทนากับเรา เสียงที่เขาเปล่งสาธุการนั้นมันดังปานฟ้าสิถล่มทลายลงมาทับดิน
หลวงปู่ ได้เล่าเรื่องที่ท่านเที่ยววิเวกในเมืองพม่า ดังนี้ “ครั้งหนึ่ง เราพักจำพรรษาที่บ้านยางแดง ประเทศพม่า วัดที่เราอยู่นั้นมันมีศาลาอยู่เพียงหลังเดียวและศาลานี้ก็มีเสาอยู่ตรงกลางต้นเดียว เราให้เขากั้นห้องเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งเราเอาไว้พัก อีกห้องหนึ่งเราก็เอาไว้นอน ตรงกลางศาลาจะมีแท่นบูชาพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ สูงประมาณศอกหนึ่ง พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้สัก ในแต่ละวันเราก็อาศัยสวดมนต์ไหว้พระอยู่หน้าพระประธานองค์นี้แหละ
คืนนั้น เรากำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่ดีๆ พอสวดบทธัมมะจักกัปปะวัตตนะสูตร ถึงท่อนที่ว่า “จาตุมมหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุงฯ จาตุมมหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ฯ” ช่วงท่อนที่กำลังไล่ชื่อสวรรค์ชั้นต่างๆ อยู่นั้น ปรากฏมีเสียงดังสะท้านไปทั่ว เป็นเสียงที่ดังกระหึ่มลงมาจากท้องฟ้า เสียงดังกระหึ่มนั้นทำให้ศาลาที่เรานั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวขึ้นมา
เสียงศาลามันลั่นเอี๊ยดอ๊าดๆ โยกไหวไปมาเหมือนกับว่าแผ่นดินมันไหว เราก็เลยหยุดสวดมนต์เอาไว้ก่อน มานั่งฟังเสียงดูว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่ เรามานั่งรำลึกในใจของเราว่า…โฮ้ๆ ! เกิดอีหยังขึ้นหนอที่นี่ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวปานนี้ มันสิเฮ็ดให้ศาลามันพังลงมาซะบ่น้อ ! เราจึงดับไฟเทียนที่หน้าพระประธาน นั่งฟังเสียงดังกระหึ่มนี้อย่างเดียว พอเรามานั่งฟัง เสียงดังๆ นั้นมันก็เงียบหายไป “…บ่มีอีหยังอีก…”
เมื่อเสียงดังนั้นหายไปแล้ว หลวงปู่ท่านก็สวดมนต์ต่ออีก ท่านเล่าดังนี้ “…เราก็เลยสวดมนต์ต่อ พอสวดถึงท่อนไล่ชื่อสวรรค์ชั้นต่างๆ นั้นเสียงดังกระหึ่มมันก็กลับมาอีกรอบ เราบ่นออกเสียงว่า “ฮ่วย ! มันเป็นอีหยังอีกน้อบาดนี่ ! พอว่าจังซั่นล่ะ ขนคี่ง (ขนตามตัว ตามแขนขา) ขนหัว กะพากันลุกยาบๆ เอามือลูบไว้กะบ่อยู่ ฮ่วย ! ฮ่วย ! อีหยังกันน้อบาดนี่ แผ่นดินมันไหวบ้อน๊อ ? ” เรานั่งฟัง เสียงนั้นอยู่อีกนานพอสมควร เสียงนั้นจึงเงียบลงไป เราก็เลยสวดมนต์ต่อไปจนจบครบสูตร
ระหว่างที่สวดนั้นก็ไม่ปรากฏมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอีก สวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับเข้าไปที่ในห้องพักเพื่อที่จะนั่งภาวนาต่อ ตอนที่มานั่งภาวนานี้แหละ ถึงได้มารู้ว่า เสียงที่มันดังกระหึ่มปานฟ้าจะถล่มลงมาทับดินนั้น มันคือเสียงอนุโมทนาสาธุการของเทพเจ้าเหล่าเทวดา พวกเขาได้ยินเสียงเราสวดมนต์ไหว้พระ พอพวกเขาได้ยินแล้วก็เกิดความปีติยินดีขึ้นมา จึงพากันเปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุการกัน เสียงอนุโมทนาของพวกเทพเจ้าเหล่าเทวดามีอานุภาพมาก จนทำให้แผ่นดินเฉพาะตรงที่เราอยู่นั้น เกิดการสั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ เทวดาเขามาแสดงปาฏิหาริย์ให้เรารับรู้…
ขออนุโมทนาบุญท่านผู้มีส่วนเผยแผ่โอวาทธรรมและภาพพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอจงเจริญรุ่งเรืองในธรรมพบสุขอันเกษม สาธุ นิพพานะปัจจะโยโหตุ
/ แนวหน้า