ชื่อของ “กัญชง” ถูกพูดถึง ถูกสงสัย และกลายเป็นพืชที่คนไทยอยากรู้จักมากที่สุด ภายหลังจากที่ ครม.ไฟเขียว เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวง ดัน “กัญชง” เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่
ส่วน “กัญชง” คืออะไร ปลูกยังไง ปลูกแล้วรวยหรือไม่ และแตกต่างจากกัญชาอย่างไร ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยกับ รศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาพืชไร่นา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และที่ปรึกษา การปลูกและการปรับปรุงพันธุ์กัญชา องค์การเภสัชกรรม มีข้อมูลน่าสนใจมากมาย ทีมข่าวไล่เรียงใจความสำคัญมาให้ ดังต่อไปนี้
กัญชง VS กัญชา แตกต่างกันอย่างไร?
“อันที่จริงแล้ว กัญชง กับ กัญชา เป็นพืชวงศ์เดียวกัน ถือว่าเป็นพี่น้องกันก็ว่าได้ เพียงแต่ทั้งคู่จะมีความแตกต่างทางกายภาพ และปริมาณสารสำคัญ ซึ่งสหประชาชาติกำหนดไว้ว่า ในกัญชง ต้องมีสาร THC ต่ำกว่า 0.2% แต่สำหรับประเทศไทยกำหนดไว้ว่า ต้องมี THC ไม่เกิน 1% และไม่ให้ใช้ในอาหาร” รศ.ดร.วิเชียร กล่าว
โดย “กัญชง” และ “กัญชา” จะมีลักษณะทางกายภาพแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
กัญชง – มีลำต้นสูงประมาณ 2 เมตรขึ้นไป สูงใหญ่กว่ากัญชา แตกกิ่งก้านน้อย ใบเป็นสีเขียวอมเหลือง มีแฉกประมาณ 7-9 แฉก แต่กัญชงมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนจากกัญชา คือ ชั้นของกิ่งจะสูงชะลูดกว่ากัญชา และถึงแม้ว่า กัญชงจะมีใบเหมือนกัญชา แต่มีสีเขียวเหลืองมากกว่ากัญชา
ขณะที่ กัญชง จะมีสารสำคัญที่จะกล่าวถึงต่อไป คือ THC (Tetrahydro Cannabionol สารออกฤทธิ์ทางจิตประสาททำให้เมา) และ CBD (Cannabinol ไม่ออกฤทธิ์ทางจิตประสาทและไม่เมา)
กัญชา – ส่วนกัญชามีความสูงไม่ถึง 2 เมตร แตกกิ่งก้านมาก มีใบประมาณ 5-7 แฉก เป็นสีเขียวถึงเขียวจัด ส่วนใบเมื่อนำมาสูบจะมีกลิ่นหอมคล้ายหญ้าแห้ง โดยมีสรรพคุณช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการได้รับเคมีบำบัด ช่วยผ่อนคลาย แต่หากเสพในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ควบคุมตัวเองไม่ได้
ประโยชน์ “กัญชง”
โดย รศ.ดร.วิเชียร แบ่งประโยชน์ของกัญชง ออกเป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใย (ชาวเขาในประเทศไทยปลูก)
การปลูกกัญชงเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใยจะใช้ในส่วนของลำต้น ซึ่งเส้นใยของกัญชงนั้น มีคุณภาพสูง จึงถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเป็นผลิตภัณฑ์ ได้มากกว่า 50,000 รายการ เช่น เสื้อผ้า, เยื่อกระดาษ, เชือก, กระเป๋า, ฉนวนกันความร้อน, วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ส่วนกากใยที่เหลือก็สามารถนำไปผลิตเป็นเอทานอลได้อีกด้วย
“เส้นใยของกัญชงมีความแข็งแรงมากกว่าฝ้ายถึง 2 เท่า เพราะฉะนั้น เสื้อยืด cotton ธรรมดา ราคาส่งในตลาดอาจอยู่ที่ 30-60 บาท แต่พอเป็นเสื้อที่ผสมใยกัญชง ราคาส่งในตลาดจะพุ่งไปที่ 120-150 บาททันที”
2. ปลูกเพื่อเอาเมล็ด (เมืองไทยยังไม่มีใครปลูก)
ขณะเดียวกัน เมล็ดของกัญชงก็ยังสามารถสกัดเป็นน้ำมันคุณภาพเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, เครื่องสำอาง และยังมีโอเมก้า 3 ที่สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารได้ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ ลดภาวะการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย
“โดยมูลค่าของน้ำมันจากเมล็ดกัญชง 1 ลิตรจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000-4,000 บาท” รศ.ดร.วิเชียร กล่าว
3. ปลูกเพื่อเอาสาร CBD (ประเทศไทยปลูกได้ แต่ห้ามเอามาใส่ในอาหารเสริม แต่สามารถเอามาใช้เป็นยาได้)
“การปลูกกัญชงเพื่อเอาสาร CBD จะใช้ส่วนของดอก ซึ่งกัญชงประเภทนี้ จะมีความคล้ายกัญชามากๆ และจะมีสาร THC น้อยมาก แต่ให้สาร CBD สูง” รศ.ดร.วิเชียร กล่าว
“การนำ CBD มาใช้เป็นยา ถือว่าให้ผลที่ดีมาก ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทยป่วยเป็นลมชัก อาการอยู่ในระดับแย่มาก แต่เมื่อใช้สารสกัด CBD ก็สามารถรอดชีวิตมาได้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า นักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังจะตาย เพราะไม่มียารักษา กลับรอดด้วยสาร CBD จากกัญชง และนอกจากนี้ สาร CBD ยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการนอนไม่หลับ, การเจ็บป่วย (ทดแทนมอร์ฟีน), รักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน, ผลิตภัณฑ์กลุ่มรักษาสิว และเครื่องสำอางได้อีกด้วย” รศ.ดร.วิเชียร กล่าว
ปลูกกัญชงแล้วจะรวยหรือไม่?
เมื่อถามว่า การปลูกกัญชง จะทำให้รวยหรือไม่? รศ.ดร.วิเชียร ผู้มากประสบการณ์ในการวิจัยและพัฒนากัญชง ให้คำตอบว่า “ถ้าถามว่า ปลูกกัญชงแล้วจะรวยไหม คำตอบก็คือ มีโอกาสที่รายได้จะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งการปลูกกัญชงที่ชาวเขาปลูก มีรายได้ไร่ละ 2,000-3,000 บาท จึงไม่มีใครอยากปลูก เพราะรายได้น้อยมาก แต่ถ้าคุณปลูกพันธุ์ที่ดี คุณปลูกถูกวิธี คุณก็จะได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้น คุณต้องรู้ว่า คุณควรปลูกกัญชงเพื่อใช้ประโยชน์แบบไหน และคุณต้องรู้ว่า คุณจะปลูกไปขายให้ใคร”
“การปลูกกัญชงเพื่อเอาเส้นใย จะได้เงินน้อยกว่าการปลูกกัญชงเพื่อเอาเมล็ด แต่การปลูกกัญชงเพื่อเอาเมล็ดก็จะได้เงินน้อยกว่าการปลูกกัญชงเพื่อเอาสาร CBD” รศ.ดร.วิเชียร กล่าว
โดย รศ.ดร.วิเชียร กล่าวถึงผลกำไรจากการปลูก “กัญชง” ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปลูกรอบละ 4 เดือน บนพื้นที่ 1 ไร่ จะได้ผลกำไรโดยประมาณ(หากปลูกอย่างถูกวิธี) ดังต่อไปนี้
– ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้นใย –> กำไร 2,000 บาท
– ปลูกเพื่อเอาเมล็ด –> กำไร 20,000 บาท
– ปลูกเพื่อเอาสาร CBD (ขาดตลาด ความต้องการสูงมาก) –> กำไร 2,000,000 บาท หรือเฉลี่ยกิโลกรัมละประมาณ 70,000 กว่าบาท
“แม้สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงจะอนุญาตให้ปลูกกัญชงได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ แต่ต้องมีใบอนุญาตปลูก พร้อมระบุสายพันธุ์ที่ได้รับอนุญาต แต่ภาครัฐก็ต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจด้วยว่า การปลูกกัญชงสามารถนำไปขายใครได้บ้าง ปลูกอย่างไร เพราะถ้าปลูกไปแล้ว แต่ไม่รู้จะเอาไปขายใคร ก็เปล่าประโยชน์” รศ.ดร.วิเชียร ทิ้งท้าย.